บทที่ 13 ช่วยชีวิต – ตอนที่ต้องอ่านของ องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ
ตอนนี้ของ องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ โดย จินจิน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 13 ช่วยชีวิต จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ฉีเฟยอวิ๋นกลอกตามองบน นี่จะให้เธอพินาศไปพร้อมกับเขารึไง?
เธอกำลังจะจัดการหนานกงเย่ให้สลบ แต่จู่ๆ หนานกงเย่ก็คลายมือออกแล้วหมดสติไปเสียก่อน
หัวหน้าผู้ดูแลตกใจรีบวิ่งเข้ามาตะโกนเรียกเสียงดัง : "ท่านอ๋องเย่"
"พวกเจ้าออกไปก่อน ทางนี้เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง รับประกันว่าเขาไม่เป็นอะไรแน่"
ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็ถอดเสื้อของหนานกงเย่ออก บนร่างกายมีรอยดาบฟันอยู่สามแผล แม้ว่าจะอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่ความบาดแผลที่สาหัสนี้ไม่ได้ถึงขั้นเอาชีวิตของหนานกงเย่
หัวหน้าผู้ดูแลยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดขึ้นว่า : "ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็จะไม่รักษา"
หัวหน้าผู้ดูแลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงออกคำสั่งเรียกให้ผู้คนที่อยู่ในห้องออกไปก่อน แต่ตัวเองกลับแอบดูอยู่หลังประตู เผื่อว่าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบมีดออกมา กรีดลงที่ข้อมือ ใช้เลือดที่ข้อมือให้หนานกงเย่ดื่ม เมื่อให้หนานกงเย่ดื่มเสร็จแล้ว จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดบาดแผลบนลำตัวของเขา
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกโชคดีที่ตัวเองถูกทำร้ายในพระราชวังรอบก่อน เพราะหลังจากนั้นเธอพกยาสมานแผลไว้ติดตัวตลอด อีกทั้งยังมีตัวยาต้านการอักเสบที่เธอพัฒนาขึ้นมาใหม่ ยาพวกนี้เพียงพอที่จะช่วยชีวิตของหนานกงเย่แล้ว บวกกับเลือดวิเศษของเธออีก
เลือดของเธอถือได้ว่าเป็นยาวิเศษ ไม่เพียงแต่จะถอนพิษได้ ยังสามารถใช้เป็นยาบำรุงฟื้นฟูกำลังได้อีกด้วย ใช้เวลาเพียงสั้นๆ ก็จะสามารถฟื้นฟูให้ร่างกายที่อ่อนล้าบาดเจ็บให้กลับมาแข็งแรงกระฉับกระเฉงได้ในทันที
เมื่อจัดการบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นเองก็หมดแรงพอดี เธอจึงนั่งลงข้างๆ เพื่อพักผ่อน
เมื่ออาอวี่พาหมอเข้ามาถึงอย่างเร่งรีบ แต่หนานกงเย่กลับไม่ได้เป็นอะไรแล้ว
"ท่าน......"
อาอวี่เดินเข้าประตูมาก็เห็นฉีเฟยอวิ๋น มองปราดเดียวก็รู้เลยทันทีว่าเป็นฉีเฟยอวิ๋น จึงจ้องนางด้วยสายตาพิฆาต แต่ถูกหัวหน้าผู้ดูแลห้ามไว้
"เหลวไหล ท่านอ๋องเย่โชคดีที่ได้คนผู้นี้ช่วยไว้ต่างหาก" หัวหน้าผู้ดูแลที่ดูไม่ออกว่าเป็นฉีเฟยอวิ๋น
อาอวี่ตอบกลับด้วยเสียงเย็นยะเยือก : "นางคือฉีเฟยอวิ๋น"
หัวหน้าผู้ดูแลตื่นตระหนกตกใจ หันกลับไปมองฉีเฟยอวิ๋นอีกครั้ง เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อนเพียงพอแล้ว เธอจึงลุกขึ้นหันไปมองหนานกงเย่ จับชีพจรของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ชีพจรของเขาแรงขึ้นและคงที่ ฉีเฟยอวิ๋นจึงค่อยปล่อยมือของเขา
หนานกงเย่หันไปมองฉีเฟยอวิ๋นช้าๆ ด้วยสายตาที่คมกริบ ฉีเฟยอวิ๋นเองไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่นิด : "การมาที่นี่ของหม่อมฉันทุกอย่างคือความบังเอิญ ในเมื่อท่านไม่ได้เป็นอะไรแล้ว งั้นหม่อมฉันก็ขอตัวกลับก่อน"
ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็หยิบยาจากชุดที่เธอใส่ แล้วยื่นให้หัวหน้าผู้ดูแล : "นี่เป็นยาที่ใช้ทารักษาบาดแผล ทาตอนเช้าแค่ครั้งเดียว สวนนี่เป็นยากิน อย่ากินเยอะเกินไปล่ะ กินเยอะจะตายเอาได้ กินเช้า กลางวัน เย็น อย่างละหนึ่งเม็ด หากมีอาการไข้ตัวร้อน ก็มาหาข้า งั้นข้าขอตัวไปก่อนล่ะ"
พูดจบฉีเฟยอวิ๋นก็เตรียมจะเดินออกไป อาอวี่จึงรีบวิ่งตามไป ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจ แต่พอเป็นหัวหน้าผู้ดูแลพูดขึ้น : "เจ้ากลับมาก่อน ท่านอ๋องเย่ยังไม่หายดีเลย"
อาอวี่จึงหมุนตัวกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงใช้โอกาสนี้รีบกลับไปยังจวนท่านนายพล
เมื่อกลับถึงแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบตรงไปที่สวนหลังบ้าน เพื่อรีบปรุงยาลดไข้
กลางดึก มีคนมาที่นอกจวนท่านนายพล คนในจวนเปิดประตูออกไป ก็เห็นอาอวี่ยืนอยู่ด้านนอก : "พระชายาเย่ล่ะ?"
หัวหน้าผู้ดูแลสีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ : "ท่านหมายถึงคุณหนูของเราหรือ?"
"เร็วเข้า อาการของท่านอ๋องเย่ไม่สู้ดีนัก"
อาอวี่ไม่รอให้หัวหน้าผู้ดูแลได้ตอบอะไร ก็บุกเข้าไปทันที ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกออกมาจากสวนหลังบ้าน ในมือถือกระเป๋าใบหนึ่ง มองไปที่อาอวี่พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ไปกันเถอะ"
อาอวี่ยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบหมุนตัวเดินออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นสั่งอะไรบางอย่างกับหัวหน้าผู้ดูแลก่อนออกมา เมื่อออกมาแล้วก็มองหน้าอาอวี่อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปีนขึ้นควบหลังม้า
อาอวี่จึงถามขึ้นว่า : "เจ้าขี่ม้าเป็นหรือ?"
"พ่อของข้าเป็นพลทหาร ข้าจะขี่ม้าไม่เป็นได้อย่างไร?"
จริงอยู่ที่เจ้าของร่างเดิมขี่ม้าไม่เป็น แต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่เหมือนกัน การควบม้าของเธอได้รับการฝึกฝนพิเศษอย่างมืออาชีพ
เมื่อขึ้นหลังม้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นถือบังเหียนม้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ข้าไปก่อน เจ้าค่อยๆ ตามมาแล้วกัน"
ใช้มือตบหลังม้า ม้าเริ่มออกตัววิ่งพุ่งไปด้านหน้า อาอวี่อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบตามหลังไป
ฉีเฟยอวิ๋นจึงพึ่งนึกถึงสถานการณ์ของหนานกงเย่ขึ้นมา จึงเดินตรงไปที่ประตู
"ท่านอ๋องเย่ของเจ้าอาการแย่ลงอีกแล้วหรือ?"
ฉีเฟยอวิ๋นเองไม่ได้คิดอะไรมาก
"ข้ามาเพื่อรับพระชายาเย่กลับตำหนัก" อาอวี่เดินมาด้านหน้า รอฉีเฟยอวิ๋นขึ้นรถม้า
ฉีเฟยอวิ๋นถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ : "หมายถึงหัวหน้าผู้ดูแล หรือท่านอ๋องเย่?"
"ท่านอ๋องเย่"
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับเข้าไปบอกเรื่องนี้กับนายพลฉี แน่นอนว่านายพลฉีไม่ได้อยากให้ไป แต่ฉีเฟยอวิ๋นพูดอะไรเขาก็จะเชื่อเสมอ เขาจึงฟังฉีเฟยอวิ๋น
เมื่อขึ้นรถม้า ก็ตรงไปยังตำหนักของท่านอ๋องเย่ทันที เงยหน้าขึ้นมองชื่อป้าย ตำหนักท่านอ๋องเย่ จากนั้นก็ตรงเข้าไปในตำหนัก
เมื่อถึงสวนดอกกล้วยไม้ ฉีเฟยอวิ๋นมองลอดไปยังด้านใน เมื่อเปรียบเทียบกับรอบก่อน เวลานี้สวนดอกกล้วยไม้ได้กลับคืนสู่ความสงบแล้ว
หัวหน้าผู้ดูแลยืนรอเธออยู่หน้าประตูนานแล้ว เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รีบเชิญเธอเข้าไปด้านในทันที : พระชายาเย่ เชิญพ่ะย่ะค่ะ"
ฉีเฟยอวิ๋นนึกแล้วอยากจะขำ ไม่ใช่นางสนมแล้วหรือ?
เมื่อเข้าไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็กวาดตามองไปรอบๆ เห็นเพียงหนานกงเย่ที่นั่งพิงอยู่บนหัวเตียง บนตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ดูแล้วเหมือนมัมมี่ที่กำลังผุดขึ้นจากพื้นดินไม่มีผิด ผิวของเขาขาวกระจ่าง สีหน้าอ่อนล้า คลุมผ้าห่มถึงระดับเอว
เมื่อเธอเดินเข้ามา หนานกงเย่ก็จ้องมองเธอ ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปดูอาการ ทั้งคู่ต่างพากันสบสายตาซึ่งกันและกัน
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกทึ่งในตัวหนานกงเย่จริงๆ พิษที่เขาโดน หากทิ้งไว้อย่างนี้ แล้วไม่เจอเข้ากับเธอ เกรงว่าเป็นเทพเทวดาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้จริงๆ อีกอย่างบนร่างกายยังมีบาดแผลสาหัสจากดาบ แต่เขาก็ยังรอดมาได้ ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วจริงๆ
ในตอนนั้นเขาสูญเสียเลือดมากเกินไป แล้วยังรอดมาได้ ชั่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจเสียจริงๆ
"เจอหน้าท่านอ๋อง คุกเข่าคารวะไม่เป็นหรือยังไง ลืมฐานะของตัวเองไปแล้วหรือไงกัน? " หนานกงเย่พูดขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เย็นชาแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ