เมื่อฉีเฟยอวิ๋นกลับไปถึงจวนของท่านแม่ทัพ นางก็เห็นแม่ทัพฉีรออยู่ที่หน้าประตู เพราะเป็นกังวลว่านางจะเดินเที่ยวเตร่
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปหาเขาและเรียกเขาว่า:“ท่านพ่อ”
“อวิ๋นอวิ๋น เจ้ากลับมาได้เสียที หากเจ้ายังไม่กลับมา พ่อก็จะไปหาเจ้าแล้ว”
แม่ทัพฉีคว้าข้อมือของฉีเฟยอวิ๋นและมองดูนางอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าบุตรสาวของเขาไม่เป็นอะไร เขาจึงปล่อยมือ
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม:“ท่านพ่อ ลูกไม่เป็นอะไร เป็นหนานกงเย่ที่ได้รับบาดเจ็บ ลูกจึงไปช่วยตรวจดูให้เขา”
“อวิ๋นอวิ๋น ลูกตรวจโรคเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อวานองค์จักรพรรดิทรงเรียกพ่อเข้าไปในวัง และถามเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ” แม่ทัพฉีบอกตามความจริง
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว:“ท่านพ่อ ท่านบอกองค์จักรพรรดิว่าอย่างไร?”
อันที่จริงเธอคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าจักรพรรดิอวี้ตี้จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี ท่านพ่อไม่รู้อะไรเลย จึงทำได้เพียงแค่หลอกต่อไป
แม่ทัพฉีกล่าวว่า:“พ่อไม่เคยรู้ว่ามาก่อนเลยว่าลูกจะรักษาโรคเป็น ตอนที่องค์จักรพรรดิถาม พ่อก็แปลกใจมาก หรือว่าเจ้าจะทำได้จริง ๆ ?”
แม่ทัพฉีประหลาดใจมาก ฉีเฟยอวิ่นลุกลี้ลุกลนและพูดสิ่งที่นางพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิ อวี้ตี้อีกรอบ
แม่ทัพฉีกล่าวว่า:“อวิ๋นอวิ๋นของเราเก่งจริง ๆ ”
ฉีเฟยอวิ่นเลิกคิ้ว พ่อผู้นี้ช่างดีจริง ๆ
บุตรสาวทำได้ถูกต้องและทำได้ดี!
หลังจากพักผ่อนมาทั้งวัน ฉีเฟยอวิ่นก็เข้าไปพบจักรพรรดิอวี้ตี้ในวัง
เพื่อที่จะหลบเลี่ยงหูตาของผู้คน ฉีเฟยอวิ่นจึงตามแม่ทัพฉีเข้าไปในวัง และเมื่อเขาไปถึงในวังก็ช่วยตรวจชีพจรให้จักรพรรดิอวี้ตี้ ฉีเฟยอวิ่นกล่าวว่า:“ฝ่าบาททรงงานอย่างเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ดังนั้นในเวลากลางคืนจึงนอนหลับยาก เพียงแค่ต้มน้ำโหงวบี่จี้เสวยวันละสามครั้งก็จะดีขึ้นเพคะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้มองไปที่หมอหลวงที่รออยู่ แม้ว่าหมอหลวงจะดูหมิ่นฉีเฟยอวิ่น แต่สิ่งที่ฉีเฟยอวิ่นพูดไม่ได้ไร้เหตุผล เขาจึงเห็นชอบด้วย:“พระชายาเย่กล่าวได้อย่างถูกต้องพะยะค่ะ”
“ดูเหมือนว่าพระชายาเย่จะรอบรู้ทุกด้านเสียจริง ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นวันนี้ข้าจะทดสอบพระชายาเย่ ไปที่สวนหลังตำหนักกันเถอะ ฮองเฮาเจ้าก็ไปด้วยนะ ไปเป็นเพื่อนจือซาน เขาจะได้ไม่เดินหลงอยู่ในวัง”
จักรพรรดิอวี้ตี้ลุกขึ้นและเคลื่อนขบวนเสด็จไปที่สวนหลังตำหนัก
ฉีจือซานตามมาข้างหลัง ฮองเฮาเฉินอวิ๋นนำไปข้างหน้า
ในขณะที่เดิน ข้างหน้าและข้างหลังก็มีระยะห่าง จักรพรรดิอวี้ตี้ก็ถามว่า:“เข้ากันหรือยัง?”
ฉีเฟยอวิ๋นถือโอกาสตอนที่ไม่มีใคร นำยาที่ผสมเสร็จแล้วส่งให้จักรพรรดิอวี้ตี้:“ฝ่าบาททรงอย่าลืมว่าต้องงดอาหารแสลงนะเพคะ”
“อืม”
หลังจากได้รับยาแล้ว จักรพรรดิอวี้ตี้ก็ยังคงเดินเล่นต่อไป:“พระชายาเย่ อาการของข้า เจ้าก็น่าจะรู้ไหมว่ามันเกี่ยวพันถึงชีวิต?”
“หม่อมฉันทราบเพคะ”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังเสนอตนเอง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ บางทีอาจเป็นเพราะหม่อมฉันเห็นฝ่าบาทแล้วทำให้นึกถึงท่านพ่อ?” ฉีเฟยหอวิ๋นหาข้อแก้ตัวไม่ได้จริง ๆ และยากที่จะบอกกับจักรพรรดิอวี้ตี้ว่าเป็นเพราะนางไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน ถ้าข้าไม่ช่วยท่าน ท่านก็คงจะฆ่าปิดปากข้า และข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะช่วยท่าน
จักรพรรดิอวี้ตี้มองฉีเฟยอวิ๋นที่อายุยังน้อย และถอนหายใจ:“ข้าก็หวังว่าจะมีบุตรสาวเช่นเจ้าสักคน!แต่ในเมื่อเจ้าเป็นพระชายาเย่แล้ว ข้าก็ควรจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างน้องสะใภ้”
ฉีเฟยหอวิ๋นยิ้มเยาะ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นบุตรสาวได้จริง ๆ เหรอ?
เหมือนไม่มีบุตรชายบุตรสาวแบบนี้ จึงได้แต่อิจฉาคนอื่นในใจ นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นเพราะพ่อของนางยังอยู่ แต่กลับไม่มีความเห็นอกเห็นใจพวกเขาเลย
“ฝ่าบาทกล่าวได้อย่างถูกต้อง” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยนอบน้อม
จักรพรรดิอวี้ตี้ถามถึงสถานการณ์ของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงสถานการณ์ของหนานกงเย่ในเวลานี้ และถามอย่างไม่แน่ในสองสามคำ และพบว่าแท้จริงแล้วจักรพรรดิอวี้ตี้ไม่รู้เรื่องที่หนานกงเย่ถูกลอบสังหารและไม่ได้พูดถึงเลย
แต่ต่อให้จักรพรรอวี้ตี้จะรู้ เขาก็คงจะไม่ทำอะไรเธอ
เขาเดินกลับมาโดยไม่รู้ตัว เขาพบกับฮองเฮาและแม่ทัพฉี ฉีเฟยอวิ๋นอวยพรจักรพรรดิอวี้ตี้:“หม่อมฉันมีความรู้แค่เพียงผิวเผิน ฝ่าบาทได้โปรดอย่าทรงหัวเราะเยาะเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ