เมื่อมีเนื้อ อวิ๋นหลัวฉวนก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป หลังจากกินไปเยอะจนอิ่มนางก็ลุกขึ้นขอตัวออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นกินไปพักหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นและออกไปเดินเล่นกับอวิ๋นหลัวฉวน
อ๋องตวนรอจนพวกนางออกไปแล้วจึงเอ่ยว่า “อ๋องเย่ เจ้ากับข้าแต่งงานพร้อมกัน ตอนนี้ข้ามีสนมรองแล้ว ข้าว่าเจ้าก็ควรหาเหมือนกันนะ”
หนานกงเย่ชะงักมือที่จับตะเกียบเอาไว้และวางเนื้อลงในถ้วยใส่ข้าว
ช่างโชคร้ายเสียจริง!
“เหตุใดอยู่ๆ พี่รองถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา” หนานกงเย่กินเนื้อโดยไม่แสดงท่าทีใดๆ
“ข้าเห็นว่าพวกเจ้าสองสามีภรรยาแต่งงานกันมานาน แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีเสียที” หนานกงเหยี่ยนมองไม่เห็นท่าทางที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเย่กล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่รบกวนพี่รองดีกว่า รออีกระยะหนึ่งถ้าอวิ๋นอวิ๋นยังไม่มีข่าวคราวใด ข้าจะลองหาดู”
“อืม เช่นนั้นก็ได้ ถ้าเจ้าหาไม่ได้ ข้าพอจะช่วยเจ้าได้ หรือถ้าข้าช่วยไม่ได้ เสด็จแม่จะต้องช่วยเจ้าได้แน่” อ๋องตวนคิดหาหนทางเพราะอยากจะจัดการหาพระสนมรองให้หนานกงเย่
หนานกงเย่ไม่ได้พูดอะไร กินเสร็จก็ออกไปส่งหนานกงเหยี่ยนที่ประตู สีหน้าฉายแววไม่สบายใจ
ฉีเฟยอวิ๋นปลีกตัวมาจากอวิ๋นหลัวฉวนแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าพรุ่งนี้อวิ๋นหลัวฉวนจะไปเที่ยวที่ทะเลสาบกับอ๋องตวน และไม่ใช่ว่าอ๋องตวนมาเพื่อรับนางกลับ
“ท่านอ๋อง” ฉีเฟยอวิ๋นไปหาหนานกงเย่ หนานกงเย่กุมมือของฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาจุมพิต
รอบๆ ไม่มีใครอยู่แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่ได้ดึงมือกลับ
เมื่อทั้งสองกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นก็พูดถึงเรื่องของอวิ๋นหลัวฉวน หนานกงเย่จึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลก พรุ่งนี้จงชินอ๋องจะออกจากคุกแล้ว ด้วยนิสัยของพระสนมรองอวิ๋น นางจะต้องไปรับเขาอย่างแน่นอน”
“หมายความว่าอ๋องตวนมาเพื่อขัดขวาง?”
“ใช่” หนานกงเย่กล่าวเรียบๆ ฉีเฟยอวิ๋นฟังออกว่าเขาไม่สบายใจ
“มีอะไรหรือท่านอ๋อง”
“ไม่มีอะไร นี่ก็ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ข้าจะต้องกลับไปจัดการกิจทางราชสำนักต่อ ข้าละไม่ชอบเลย”
หนานกงเย่ไม่ได้พูดอะไรและฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่าย
หลังจากกลับมาพักผ่อนที่เรือนตลอดทั้งคืน ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปที่จวนเสนาบดีตั้งแต่เช้า ในขณะที่หนานกงเย่ไปเข้าเฝ้าช่วงเช้าที่ราชสำนัก
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจร่างกายของฮูหยินเสนาบดี “ไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแค่พักฟื้นไปเรื่อยๆ อาการก็จะดีขึ้นเอง”
ฉีเฟยอวิ๋นให้น้ำเกลือฮูหยินเสนาบดี แต่เนื่องจากอุปกรณ์ทำขึ้นมาอย่างง่ายๆ ฉีเฟยอวิ๋นจึงปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ต้องคอยเฝ้าอยู่ในห้อง
เฉินอวิ๋นเจี๋ยคอยอยู่เป็นเพื่อน
เมื่อคืนฮูหยินเสนาบดีเจ็บปวดตลอดทั้งคืน วันนี้ฝังเข็มแล้วจึงพักผ่อนได้และผล็อยหลับไปอีกครั้ง
“ลำบากท่านแล้ว” เฉินอวิ๋นเจี๋ยกล่าว
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะเคลิ้มหลับ นางกะพริบตาปริบๆ และลืมตาขึ้นมองเฉินอวิ๋นเจี๋ย
“ท่านแม่ทัพน้อยเกรงใจเกินไปแล้ว”
“ท่านมีทักษะการแพทย์เช่นนี้ได้อย่างไรรึ” เฉินอวิ๋นเจี๋ยไม่อยากจะเชื่อสายตา คนผู้นี้ไม่ใช่ฉีเฟยอวิ๋น
“อาจารย์ข้าเป็นคนสอน”
“แต่เรารู้จักกันมานานหลายปี เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินว่าท่านทำได้ ปกติท่านทำได้แค่ลอยชายไปเรื่อย!”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดไม่ออก เขาหมายความว่าอย่างไร
อะไรคือลอยชายไปเรื่อย
ถึงแม้จะเป็นความจริงแต่ก็พูดต่อหน้าไม่ได้
เวลานี้นางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฮูหยินเสนาบดี นี่หรือคือสิ่งที่คนเป็นลูกชายพูดออกมา?
“ท่านแม่ทัพน้อยก็ช่างพูดล้อเล่น” ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากจะคุยกับเขา
“เราฉลองกันอย่างมีความสุข” เฉินอวิ๋นเจี๋ยย้ำเตือนและสังเกตสีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นอย่างเอาใจใส่
“ข้าไม่ได้จำ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ยอมรับความรู้สึกเหล่านี้
เจ้าของเดิมคือเจ้าของเดิม นางก็คือนาง
เฉินอวิ๋นเจี๋ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากนั่งอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ลุกไปที่ประตูเพราะอยากจะออกไปสูดอากาศ
ประตูเปิดออกมาและเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ