ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อนได้สองสามวันก็มีคนจากในวังถ่ายทอดรับสั่งให้เข้าวัง หนานกงเย่ไม่วางใจจึงตามเข้าวังไปด้วย
ความอ้วนของฉีเฟยอวิ๋นกลับมาอีกครั้ง ที่เรียกว่าอ้วนเป็นลูกบอลนั้นจักรพรรดิอวี้ตี้ทรงนับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้เห็นฉีเฟยอวิ๋นก็อึ้งไปเล็กน้อยและที่ตามมาคือความผิดหวัง
ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน ลืมพิษของเขาแล้วหรือ? จึงได้อ้วนเช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นโค้งทำความเคารพแล้วก็ไปหาพระพันปีเพื่อน้อมทักทาย วันนี้ฉีเฟยอวิ๋นนำผลิตภัณฑ์ความงามชิ้นใหม่มาถวายพระพันปี พระพันปีทรงพอพระทัยยิ่งนัก แม่สามีและลูกสะใภ้เข้ากันได้ด้วยดี ก่อนไปฉีเฟยอวิ๋นก็ได้นำจิ้งจอกหางสั้นไปด้วย
จากนั้นก็ไปตรวจชีพจรให้จวินเซียวเซียวและเฉินอวิ๋นชู แล้วจึงกลับไปรออยู่ยังด้านนอกพระตำหนักบำรุงฤทัย
จักรพรรดิอวี้ตี้ยังคงทรงรับสั่งให้ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นดูแล้วก็ยังทรงเป็นเช่นดังเดิมจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ
เรื่องราวยิ่งอยู่ก็ยิ่งแปลกซะแล้ว
เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ถึงทำให้ผู้ที่วางยาพิษหยุดเรื่องวางยาพิษลงกลางคัน?
ออกจากวังหลวงแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็อุ้มจิ้งจอกหางสั้นเหมือนตกอยู่ในภวังค์อยู่ในรถม้า หนานกงเย่เอนกายไปฝั่งหนึ่งเพื่อมองนาง วางเท้าไว้บนขาของนาง
ทั้งคู่มีเรื่องจักรพรรดิอวี้ตี้ถูกวางยาพิษอยู่ในใจ แต่กลับตรวจสอบสิ่งใดไม่พบ นี่ถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากนัก
“ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าเป็นผู้ใดกัน?” อ้อมค้อมไปอ้อมค้อมมาก็อ้อมไม่พ้น ฉีเฟยอวิ๋นก็ยังคงถามต่อ
หนานกงเย่นอนราบ: "ข้าก็ไม่รู้ กลับไปก่อนเถอะ"
ทั้งสองไม่กล่าวสิ่งใดอีก รถม้ามาถึงยังจวนอ๋องเย่แล้วทั้งสองก็ลงจากรถ ช่วงนี้ฉีเฟยอวิ๋นน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากตัวนางเองก็รู้สึกว่าร่างกายเคลื่อนไหวลำบาก
คนทั้งจวนรู้สึกว่าเกิดจากฉีเฟยอวิ๋นนั้นทานมากจนเกินไป
คนดีๆคนหนึ่งเนื่องจากประมาทไม่รู้ว่าตนเองท้องและเด็กก็ไม่อยู่แล้ว ด้วยความเศร้าโศกเสียใจจึงเปลี่ยนความเศร้าปนโกรธเป็นความอยากอาหาร ถึงได้กลายเป็นดังเช่นที่เป็นในอยู่ตอนนี้
ที่ว่ากันว่าอ้วนเป็นลูกบอลนั้นเป็นเช่นนี้นี่เอง
ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้าแล้วกลับไปยังจวนอ๋องเย่หลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวนางก็ได้ยินคนเรียกนาง: "ท่านพี่เสียนเฟย"
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าหมอง มองย้อนกลับไปไม่ใช่อวิ๋นหลัวฉวนแล้วจะเป็นผู้ใดได้
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองยังใบหน้าที่น่าหลงใหลของหนานกงเย่โดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาประสานสื่อสารกันกับเขา นี่แค่เพียงไม่กี่วันนางก็กลับมาอีกแล้ว
พี่ชายรองผู้นั้นของท่านนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
อ๋องตวนก็เหลือเกิน บุรุษเช่นนี้ไม่เอาก็ช่าง
หนานกงเย่ฟังฉีเฟยอวิ๋นอยู่แล้วหญิงตั้งครรภ์เป็นใหญ่ที่สุด เขากล่าวประโยคแนบขึ้นมาว่า: "พระชายาคิดได้ถูกต้องยิ่งนัก"
ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ปล่อยหนานกงเย่ไปและหันไปมองอวิ๋นหลัวฉวน
เห็นอวิ๋นหลัวฉวนเดินเข้ามาใกล้นางด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่เด็กสาวตัวเล็กๆที่ไม่ประสีประสาสิ่งใดผู้นั้นแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นจำได้ว่าครั้งแรกที่พบกันนั้นอวิ๋นหลัวฉวนยังไม่ได้เป็นเช่นในตอนนี้ ถึงแม้ว่านางจะยิ้มอย่างรื่นเริงแต่ก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดก็รู้สึกว่ามีสิ่งใดเพิ่มมากขึ้นมา
คนผู้หนึ่งหากนางเชื่อฟังอย่างอธิบายไม่ได้ นั่นแสดงว่านางได้เผชิญกับเรื่องเลวร้ายบางสิ่งทำให้นางไม่เชื่อฟังไม่ได้
แต่หากกล่าวออกมาตามจริง อวิ๋นหลัวฉวนก็ถือว่าเป็นบุคคลที่สาม หากมีบุคคลที่สามอยู่ก็เป็นส่วนเกินอยู่แล้ว พบเจอบางสิ่งบางอย่างถือได้ว่าเป็นปกติ
“พระชายารองอวิ๋น เหตุใดวันนี้ท่านถึงได้นึกถึงข้าขึ้นมา?” ไม่ทักทายก็ไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นยังคงเกรงอกเกรงใจอยู่
อวิ๋นหลัวฉวนคุ้นเคยเป็นกันเอง นางถือว่าจวนอ๋องเย่เป็นเรือนของนางเองไปแล้ว
“ข้ามาดูท่านพี่เสียนเฟย ก่อนนี้อาศัยอยู่ในจวนไม่รู้ว่าท่านพี่เสียนเฟยได้รับบาดเจ็บ ออกไปถึงได้ยินผู้อื่นพูดวันนี้จึงได้มาดู”
ตงเอ๋อร์มีสีหน้าขมขื่น แม้ว่าจวิ้นจู่จะเป็นห่วงพระชายาเย่แต่อยู่ในจวนอ๋องตวนนั้นทานไม่อิ่มก็เป็นความจริง
จวิ้นจู่ไม่ให้พูดและไม่สามารถกลับไปยังจวนกั๋วกงได้
ช่างอัดอั้นตันใจยิ่งนัก
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยยอมให้มีทรายอยู่ในดวงตา เห็นตงเอ๋อร์เช่นนั้นก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้น
“ท่านอ๋อง ท่านกลับไปเถอะ ข้ากับพระชายารองอวิ๋นจะไปนั่งเล่นที่จู๋อวิ๋นไจ"
หนานกงเย่กลับไปจวนอ๋องก่อน ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้เชิญอวิ๋นหลัวฉวนเข้ามาในจวน อวิ๋นหลัวฉวนไม่ใช่ผู้ที่เกรงใจสิ่งใดมากมายจึงตามเข้าไปในจวน
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข สิ่งที่หายากที่สุดคืออวิ๋นหลัวฉวนมายังจวนอ๋องเย่ราวกับได้กลับเรือนของมารดา ไม่ได้ปฏิบัติตัวให้ราวกับเป็นคนนอกเลย
คนในจวนก็ชอบอวิ๋นหลัวฉวนนัก ปกตินางก็มักจะเป็นผู้ที่ทำให้ผู้อื่นชื่นชอบ เมื่อนางมาทุกๆคนในจวนไม่มีใครไร้ความสุข
อวิ๋นหลัวฉวนยังกล่าวอีกว่า: "เช่นไรจวนอ๋องเย่ก็ดีกว่า เหตุใดถึงไม่ได้แต่งงานกับอ๋องเย่นะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ