หนานกงเย่ยื่นมือออกไปหยิบเข็มฉีดยาและนึกขึ้นมาได้ว่า: "เหมือนกับเข็มฉีดยาของเจ้าเพียงแต่ว่าเล็กกว่าสักเล็กน้อยและดูดีกว่าด้วย"
หนานกงเย่วางเข็มฉีดยาลงมองดูสิ่งอื่น ฉีเฟยอวิ๋นเปิดกล่องด้านล่างและมีผ้าพันแผลแถวหนึ่งอยู่ด้านใน
เปิดออกม้วนหนึ่งแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็พันผ้าพันแผลรอบข้อมือของหนานกงเย่: "ผ้าพันแผลในที่ของพวกข้าเป็นเช่นนี้ใช้สำหรับพันแผลเอาไว้"
ก้มศีรษะลงกัดผ้าพันแผลแล้วฉีกออก ฉีกเป็นชิ้นๆจากนั้นแบ่งออกเป็นสองส่วน พันเป็นวงกลมแล้วมัดเอาไว้
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: "ข้าเป็นหมอจริงๆ"
หนานกงเย่ทำหน้าบูดบึ้งมองดูสิ่งของอื่นๆ เมื่อเห็นหูฟังแพทย์ก็ประหลาดใจ: "นั่นคือสิ่งใด?"
ฉีเฟยอวิ๋นนำหูฟังแพทย์ให้หนานกงเย่แขวนไว้ยังหูของเขา แล้วนำอีกด้านหนึ่งมากดไว้บนหน้าอก: "ได้ยินแล้วหรือไม่?"
หนานกงเย่สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ: "เสียงตึกตึกตึก!"
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: "นี่คือหูฟังแพทย์ซึ่งใช้ฟังการเต้นของหัวใจและหลอดลมของผู้ป่วย"
ขยับเข้ามาแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็สูดหายใจอย่างเงียบสงบ: “หลอดลมและวัณโรคนั้นสามารถฟังออกได้ ด้านในจะเกิดเสียงซ่าซ่าและยังหายใจหอบพร้อมกับเสียงอันดังอีกด้วย”
"ไม่ได้ยิน"
หนานกงเย่ฟังอย่างละเอียด ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าเขาเป็นเหมือนดังกับเด็กคนหนึ่ง
“ไม่มีแน่นอน แม้ว่าร่างกายนี้จะไม่แข็งแรงแต่ร่างกายนี้มิได้มีโรคเช่นนั้น”
หนานกงเย่นำหูฟังแพทย์ไปแล้ววางหัวของหูฟังแพทย์ไว้บนหน้าอกของเขาจากนั้นก็ฟังอยู่ครู่หนึ่ง: "แข็งแกร่งและทรงพลัง"
“ท่านเป็นบุรุษและท่านก็ยังฝึกศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าต้องมีความแข็งแกร่ง” ฉีเฟยอวิ๋นไปดูหีบยาและนับดูปรากฏว่ายังมีสายน้ำเกลืออยู่อีกเป็นสิบสาย
ฉีเฟยอวิ๋นจัดเก็บอยู่ครู่หนึ่งแล้วขัดเอาไว้
หนานกงสงสัยจึงได้เปิดออกอีก ส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นกำลังจะเข้านอน
หนานกงเย่เห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะนอนจึงได้กล่าวขึ้นทันทีว่า: "อย่านอนเลยนะ เจ้าหลับไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว อย่านอนเลย"
หนานกงเย่วางสิ่งของในมือลงและรีบพุ่งเดินเข้าไปยังตัวฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูเขา: “ข้าไม่ไปหรอก”
“เช่นนั้นเจ้า……”
หนานกงเย่ยังคงเป็นกังวลอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นขยับเข้าไปด้านใน: "ท่านอ๋องนอนตรงนี้"
หนานกงเย่รีบไปนอนลงในทันที พวกเขาสวมชุดนอนกันทุกคนซึ่งฉีเฟยอวิ๋นเป็นผู้ออกแบบ จากนั้นอวิ๋นจิ่นตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้วส่งมาให้
แต่ยังไม่ทันที่ฉีเฟยอวิ๋นจะได้สวมใส่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้ได้ใช้งานแล้ว
หนานกงเย่นอนลงส่วนฉีเฟยอวิ๋นนอนอยู่เบื้องหน้าของเขา แขนทั้งคู่ของหนานกงเย่โอบกอดฉีเฟยอวิ๋นไว้โดยรอบและหีบยาก็วางอยู่ตรงกันข้ามกับทั้งสองคน
หนานกงเย่มองดูหีบยาเหมือนดังกับเด็ก เขาอยากรู้อยากเห็นแต่ว่าเขาทิ้งฉีเฟยอวิ๋นไม่ลงมากกว่า
ดังนั้นจึงได้กอดฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่มองหีบและเหลือบมองเป็นครั้งคราว
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: "หีบนี้ข้านำมาจากในอนาคต ข้ากลับไปแล้ว"
หนานกงเย่ร่างกายแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงลุกขึ้นมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น เนื่องจากเกิดอาการตื่นเต้นหน้าอกจึงได้เป็นราวกับคลื่น
ฉีเฟยอวิ๋นพลิกร่างแล้วนอนอยู่ มือทั้งคู่จับใบหน้าอันเย็นยะเยือกของหนานกงเย่ รู้ว่าเขาหวาดกลัวและตื่นตระหนกอยู่
“ข้ากลับไปแล้ว แต่ข้าก็กลับมาแล้ว”
หนานกงเย่ไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด สายตาของเขาจับจ้องไปยังฉีเฟยอวิ๋นอย่างแน่วนิ่ง "เจ้าจะทิ้งข้าไปหรือ?"
“ไม่ใช่ ท่านอ๋อง เป็นเพราะข้าเกลียดสถานที่แห่งนี้ ที่นี่ไม่มีน้ำใจต่อกัน
ข้ารู้สึกว่าฝ่าบาทก็น่าสงสารเช่นกัน ข้าช่วยชีวิตพระองค์ ช่วยเหลือพระองค์ แต่พระองค์กลับทรงต่อต้านข้าทุกสิ่งทุกอย่างและยังต้องการให้ข้าแต่งพระชายารองมาให้กับท่าน
ข้ารู้สึกดีกับฮองเฮาเช่นเดียวกัน พระนางทรงเหงายิ่งนักไม่มีบุตรแม้แต่องค์เดียว ข้าต้องการช่วยพระนางแต่พระนางกลับวางยาพิษข้าอยู่หลายครั้ง
ข้าเศร้าโศกและข้าห่อเหี่ยวใจ
ยังมีเสด็จแม่ และยังมีอ๋องตวน.....
เป็นอ๋องตวนที่ทูลฝ่าบาทเรื่องการแต่งพระชายารองเข้ามา
ข้าไม่ชอบพวกเขา
ท่านอ๋อง ขณะที่ข้าอยู่ในโลกอนาคต ข้าก็ลำบากทุกข์ทนแต่ข้าไม่ได้เหน็ดเหนื่อย
พวกข้าไม่ได้ปากหวานก้นเปรี้ยว ไปมาหาสู่กันอย่างตรงไปตรงมา
ข้าห่อเหี่ยวใจ ข้าอยากไปจากที่นี่
กลับไปยังโลกอนาคต"
“ข้าจะพาเจ้าไป ไปจากที่นี่” หนานกงเย่ไม่ต้องการให้ฉีเฟยอวิ๋นจากไปก็ต้องไม่ปล่อยให้นางรู้สึกห่อเหี่ยวใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ