ฉีเฟยอวิ๋นถูกหนานกงเย่อุ้มไปบนบัลลังก์มังกรของจักรพรรดิอวี้ตี้ ตามคำสั่งของจักรพรรดิอวี้ตี้
สวีกงกงรีบไปประกาศเรียกหมอหลวง หมอหลวงหูรีบเข้ามายังตำหนักบำรุงฤทัยด้วยความตกใจจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ในขณะที่กำลังจะคุกเข่าแสดงความเคารพก็ถูกจักรพรรดิอวี้ตี้เรียกไป : “ขึ้นมาเถอะ ไม่ต้องคุกเข่า”
หมอหลวงหูจึงรีบไต่บันไดขึ้นไป กระทั่งมาถึงตรงหน้าบัลลังก์มังกรและรีบคุกเข่าลง เขามีโอกาสได้ขึ้นมายังสถานที่แห่งนี้แล้ว
จักรพรรดิอวี้ตี้ในชุดคลุมมังกรอันเจิดจรัสยืนเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง พลางกุมมือ สีหน้าถอดสีลง
หนานกงเย่โอบกอดร่างของฉีเฟยอวิ๋นไว้ พร้อมกับกุมมือของนางไว้แน่น
เวลานี้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านใจมาก รู้ว่านางไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน เขาก็ยังพานางมาทรมานนานเพียงนี้ กลางคืนก็นอนไม่เพียงพอ รุ่งสางก็ยังต้องตื่นเช้า เข้าวังก็ต้องมาเจอเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงกลายเป็นเช่นนี้ไปในที่สุด
“ท่านอ๋องเย่ บ่าวขอตรวจดูหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหูพยายามทำจิตใจให้สงบ และรีบเข้าตรวจดูอาการให้แก่ฉีเฟยอวิ๋นทันที หลังจากปล่อยมือก็กล่าวว่า : “กราบทูลฝ่าบาท อัตราการเต้นของหัวใจเด็กในครรภ์ยังไม่คงที่ อีกทั้งชีพจรก็มีความผิดปกติด้วย จำเป็นต้องนอนราบบนเตียงพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหูตรวจออกมาเช่นนี้ จักรพรรดิอวี้ตี้เวลานี้จึงยิ่งวุ่นวายใจ
“ต้องจัดยาบำรุงครรภ์ด้วยหรือไม่?”
“ต้องจัดพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหูรีบออกใบสั่งยาใบหนึ่ง
สวีกงกงรีบหยิบมันไปรับยาทันที
คนในวังเวลานี้ล้วนพูดกันหนาหูว่าอัตราการเต้นของหัวใจเด็กในครรภ์ของพระชายาเย่ไม่คงที จนเกือบเกิดเรื่อง
ยามนี้ยังคงอยู่ในตำหนักบำรุงฤทัย เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้
หมอหลวงหูยังไม่ออกมาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม
เมื่อไห่กงกงได้รับข่าว ก็รีบทูลเรื่องนี้แก่ฮองเฮาทันที
แผ่นบำรุงหน้าแผ่นหนึ่งร่วงหล่นจากมือของพระพันปีตกสู่พื้น
พระพันปีมองออกไป : “เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“ข่าวที่ได้รับเมื่อครู่ เวลานี้ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยามพ่ะย่ะค่ะ” ไห่กงกงเหงื่อผุดจนเปียกชุ่ม
กลัวอะไรมักได้เช่นนั้นจริง ๆ เด็กคนนี้สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด
ฝ่าบาททั้งสองตำหนักล้วนไร้ซึ่งทายาท บัดนี้เหล่าท่านเสนาบดีต่างเสนอเรื่องนางสนม ฝ่าบาทปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
โชคดีที่ท่านอ่องเย่ ท่านอ๋องตวนล้วนมีข่าวดี แต่บัดนี้กลับเกิดเรื่อง แล้วจะดีได้อย่างไร?
พระพันปีนั่งลงด้วยใบหน้าที่ใสสะอาด : “ไปดูในนามของข้า หากกระทำการไม่สะดวก ก็ให้รับมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ไห่กงกงรีบไปยังตำหนักบำรุงฤทัยทันที ยามนี้พระมเหสีหวาก็ได้รับข่าวเช่นเดียวกัน ซึ่งนางแปลกใจมาก : “ดี ๆ อยู่แท้ ๆ ดันเกิดเรื่องเสียได้?”
“ว่ากันว่าเพราะคุกเข่านานเกินไปจึงเกิดเรื่องขึ้นเพคะ” แม่นมหลิวเองก็ได้ยินมาเช่นกัน ในวัง เรื่องทุกอย่างล้วนฟังต่อ ๆ กันมา ซึ่งปกติแล้วใครบ้างเล่าจะไม่มีสอดแนมสักคนสองคน
พระมเหสีหวาลุกขึ้น จากนั้นก็ลากกระโปรงที่ยาวและหนักไปตามพื้น
“น่าแปลกจริง ในวังของเราเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดถึงได้...”
พระมเหสีหวารู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรพูด นางลังเลชั่วครู่ : “ไปบอกแม่นมเว่ย ว่าข้าไม่อนุญาตให้พระชายารองอวิ๋นเข้าวัง แล้วจัดทหารสองสามคนไปเฝ้าที่นั่นไว้ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นโดยเด็ดขาด
ไม่ว่าข้าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต จะต้องรักษาเด็กคนนี้ไว้ให้ได้ หากรักษาไว้ไม่ได้ใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดว่าจะอยู่ดีมีความสุข
อีกเรื่อง....ไปบอกจวินฉูฉู่ผู้นั้นด้วย ให้นางซื่อสัตย์ต่อข้า
ตอนนี้ ไม่ว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์ของพระชายารองอวิ๋นจะเป็นอย่างไร ก็อย่าได้โทษว่าข้าไม่รักษาสัจจะ คนที่ควรถามเป็นคนแรกก็คือนาง”
แม่นมหลิวพยักหน้า : “บ่าวเข้าใจแล้ว บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
กว่าแม่นมหลิวจะได้รับข่าวก็เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว
อวิ๋นหลัวฉวนแปลกใจ : “แม่นม คนในวังมาแล้วใช่หรือไม่?”
แม่นมหลิวหันไปมอง : “มาแล้วเพคะ แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก บอกแค่ให้ปรนนิบัติอย่างระมัดระวังเท่านั้น”
“ปรนนิบัติอย่างระมัดระวังก็ยังต้องมาบอกรึ?” อวิ๋นหลัวฉวนแปลกใจไม่น้อย
แม่นมเว่ยพยักหน้า ตอบกลับโดยไม่เผยพิรุธแต่อย่างใด
อวิ๋นหลัวฉวนเองก็ไม่ได้สงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ