ยิ่งฟังจักรพรรดิอวี้ตี้ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น พระองค์ตบลงบนบัลลังก์มังกรและตรัสอย่างโมโห "ข้าประเมินไป๋จิ่งหยวนต่ำเกินไปจริงๆ"
สวีกงกงก้าวไปข้างหน้า "ข้าน้อยจำได้ ปัจจุบันตระกูลไป๋ยังมีอยู่ในวังหลวงสองคนพ่ะย่ะค่ะ"
หมอหลวงหูรีบกล่าวตัดขาดความสัมพันธ์ในเวลานี้ "ฝ่าบาท เดิมทีข้าน้อยต้องการรับลูกศิษย์ใหม่จากตระกูลไป๋มาสองคน และหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นเด็กสาวที่เคยพูดคุยเรื่องแต่งงาน แต่ฮูหยินของข้าน้อยยังไม่เคยพบเจอ จึงไม่ได้ทำการตอบตกลงพ่ะย่ะค่ะ"
อันที่จริงไม่ใช่ไม่ได้ตอบตกลง แต่เป็นการยื้อเวลาไปหลายวัน และเป็นเพราะฟังจากเรื่องที่จักรพรรดิพูดและเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าวังหลวงเพื่อดูแลรับใช้จักรพรรดิ และขณะนี้ก็นับว่าหลุดพ้นไปแล้ว
จักรพรรดิอวี้ตี้รีบสั่งให้นำตัวพี่ชายทั้งสองคนของไป๋ซู่ซู่เข้ามา
หนึ่งในนั้นคือลูกชายแท้ๆ ของไป๋จิ่งหยวน ก็คือพ่อเดียวกันแต่คนละแม่กับไป๋ซู่ซู่
อีกหนึ่งคนเป็นลูกชายของพี่ชายของไป๋จิ่งหยวน นั่นก็คือลูกพี่ลูกน้อง
ทั้งสองคนต่างก็เป็นหมอผู้มีความสามารถและทักษะการแพทย์สูง และเป็นชื่อเสียงให้กับสำนักหมอหลวง นับเป็นที่จับตามองของหลายคน
คนหนึ่งอายุสิบเก้า อีกคนหนึ่งอายุยี่สิบปี
คนที่อายุยี่สิบก็คือลูกชายของไป๋จิ่งหยวน เป็นลูกชายของฮูหยินรอง
ไป๋อวี้ชิง ไป๋อวี้เหริน เข้ามาพบและจักรพรรดิอวี้ตี้ทรงพระสรวล "พวกเจ้าคนหนึ่งอายุสิบเก้า คนหนึ่งอายุยี่สิบหรือ?"
ขณะนี้ทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ตอบรับด้วยความเคารพนอบน้อม
ในฐานะที่เป็นหมอหลวงและได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ เมื่อเข้าพบจักรพรรดิจึงไม่สามารถตื่นตระหนกและก้าวร้าวได้ เพื่อไม่ให้ทำการวินิจฉัยผิดพลาดหรือทำให้จักรพรรดิไม่พอพระทัย
ขณะนี้ทั้งสองคนก้มหน้าคุกเข่าลงและไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นมา แต่ก็ตอบได้ราบรื่นอย่างมาก
จักรพรรดิอวี้ตี้รู้สึกประหลาดใจ "พวกเจ้าต่างก็เป็นลูกชายของไป๋จิ่งหยวนหรือ?"
"กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยใช่พ่ะย่ะค่ะ" ไป๋อวี้ชิงตอบอย่างนอบน้อม
จักรพรรดิอวี้ตี้ถาม "เจ้าอายุเท่าไรแล้ว?"
"กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยอายุยี่สิบปีพ่ะย่ะค่ะ" ไป๋อวี้ชิงรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมจักรพรรดิต้องถามเขาเช่นนี้ ในเมื่อรู้ว่าเขาอายุยี่สิบปีแต่ก็ยังถามซ้ำ แต่ในฐานะข้าราชบริพารแล้ว สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือตอบคำถามตามความเป็นจริง
จักรพรรดิอวี้ตี้ยังคงถามต่อไป "เจ้าคือลูกชายของภรรยาเอกหรือ?"
"กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยเป็นลูกของภรรยาเอกพ่ะย่ะค่ะ" ตอนที่ไป๋อวี้ชิงพูดเช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะขึ้นมา นี่คงเป็นโทษสถานหนักสินะ
จักรพรรดิอวี้ตี้ถาม "แม่ของเจ้าเป็นคู่แท้ของพ่อเจ้าหรือ?"
"ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อของข้าน้อยเคยแต่งงานหญิงสาวคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นคือคู่แท้ของท่านพ่อของข้าน้อย แต่หลังจากที่นางเสียชีวิตลง ท่านพ่อของข้าน้อยก็เลื่อนให้ท่านแม่เป็นภรรยาเอก ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าน้อยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะแต่งงานเข้ามาอยู่ในเรือน ท่านพ่อของข้าน้อยก็ได้แต่งงานกับท่านแม่แล้ว และด้วยความที่ถูกบังคับจึงต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิอวี้ตี้รู้สึกโกรธมาก "บังอาจมาก กล้าใส่ร้ายราชสำนัก ส่งคนมาที่นี่แล้วนำไป๋อวี้ชิงไปขังไว้"
ไป๋อวี้ชิงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาจึงได้พบกับไป๋ซู่ซู่และตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
"ไป๋ซู่ซู่ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?" ไป๋อวี้ชิงเผลอพูดออกมาด้วยความตกใจ
สวีกงกงก้าวเข้าไปข้างหน้าและกล่าวว่า "ฝ่าบาทคิดเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ เป็นถึงพระชายาเซี่ยวจวิ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเลย และต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทก็ยังทำเช่นนี้ หากออกไปนอกวังหลวงและกลับบ้านไป ฝ่าบาท......อาจจะทำอะไรไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ?"
"ข้าน้อยไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ"
ไป๋อวี้ชิงรีบกล่าวขึ้นมา จักรพรรดิอวี้ตี้เหลือบมองสวีกงกง "เจ้ามีความกล้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร กล้าที่จะยุ่งเรื่องบ้านเมืองแล้วหรือ?"
สวีกงกงรีบคุกเข่าลง "ฝ่าบาท ข้าน้อยผิดไปแล้ว"
จักรพรรดิอวี้ตี้ไม่ได้สนใจสวีกงกงและมองไปยังไป๋อวี้ชิง "เจ้ามีความกล้าหรือว่าไม่มี รอให้พ่อของเจ้ามาก็จะรู้เอง"
ไม่นานไป๋จิ่งหยวนงก็ถูกคุมตัวเข้าไปในวังและเมื่อไปถึงท้องพระโรงก็รีบคุกเข่าลง และคิดว่าเพราะลูกชายของเขาทำการวินิจฉัยผิดพลาด เมื่อเข้าประตูมาจึงรีบร้องขอชีวิต
"ข้าอยากปล่อยเจ้าไป แต่เจ้าทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์ และข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ ไป๋จิ่งหยวน เจ้าลองเงยหน้าขึ้นดูว่าเจ้ารู้จักคนคนนี้หรือไม่?"
ไป๋จิ่งหยวนรวบรวมความกล้าและค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา และเมื่อเห็นไป๋ซู่ซู่ก็ตกใจและนั่่งลงกับพื้นด้วยอาการสีหน้าซีดเซียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ