เพียงแต่ว่าอ๋องตวนนั้นไม่ได้โมโหมากมายนักเพียงแค่วุ่นวายใจเท่านั้น
ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะถูกสตรีเช่นนี้ลดคุณค่าลง ดูเหมือนว่าในสายตาของอวิ๋นหลัวฉวนเขาไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง
“ข้าไม่ถือสาเจ้าแต่เจ้าต้องการให้ข้าหย่าร้างกับเจ้า ข้าก็ยังคงกล่าวคำนั้นว่าไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน เจ้าเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์จะหย่าก็หย่าได้เช่นไรกัน?”
“แต่ท่านกับหม่อมฉันไร้ซึ่งความรู้สึกต่อกัน จะอยู่กันต่อไปเช่นนี้จนตายหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนโกรธเคืองเล็กน้อย ไม่เคยพบเห็นผู้คนเช่นนี้มาก่อน ไม่หย่าและก็ไม่เลิกรากันด้วย อยู่กันต่อไปเช่นนี้อยู่รอวันตายหรือ?
อวิ๋นหลัวฉวนคิดว่าเด็กไม่สามารถมีบิดาเช่นนี้ได้ ท้ายที่สุดจึงได้ต้องการหย่า
อ๋องตวนก็รู้สึกหดหู่มากเช่นกัน ถูกว่าไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างกลับไม่สามารถหักล้างออกไปได้
เขายืดตัวตรงขึ้นแล้วกล่าวตามมาว่า: "ไม่ว่าเช่นไร ข้าจะไม่มีทางเลิกราและก็ไม่มีทางหย่าร้างกับเจ้า ส่วนลูกก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเช่นที่เจ้ากล่าว
ข้าไม่ค่อยชอบสำเร็จราชการแทนแต่ก็มิได้ม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง
หากเจ้ารู้สึกว่าขายหน้าก็ออกไปให้น้อยลงเป็นพอ"
อวิ๋นหลัวฉวนเบิกตากว้างทว่ายังไม่ถลนออกมา คำเหล่านี้หมายความว่าเช่นไร สิ่งใดคือห้ามออกไป มีแต่เขาที่กล่าวออกมาได้ เช่นไรก็เป็นท่านอ๋องจะทำให้โมโหจนตายเลยใช่หรือไม่?
อวิ๋นหลัวฉวนนั่งลงอย่างเศร้าสร้อย นี่ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่ได้แล้วจะทำเช่นใด?
ในเวลานี้อ๋องตวนนึกถึงจงชินอ๋องขึ้นมาจึงฮึ่มเสียงหนึ่งออกมาอย่างเย็นชา: “หรือว่าเจ้าจะนำข้าไปเปรียบเทียบกับเจ้าสารเลวนั่น?”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้โดยธรรมชาติอยู่แล้วว่าผู้ที่อ๋องตวนกล่าวถึงนั้นคือใคร
แต่นี่เวลาใดแล้วเขายังคิดที่จะกล่าวเรื่องเหล่านี้อีก
อวิ๋นหลัวฉวนก็ไม่อยากคุยกับอ๋องตวนมากนัก เรื่องในวันนี้ถือว่าพ่ายแพ้ซะแล้ว มีปากแต่ไม่สามารถพูดให้ชัดเจนได้
อ๋องตวนมองดูอวิ๋นหลัวฉวนโดยไม่กล่าวสิ่งใดและเขาก็เงียบลงไปครู่หนึ่ง
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกว่าไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันแล้วจะมีความหมายใดได้อีกจึงได้ลุกยืนขึ้นมา
"หม่อมฉันไปก่อนนะเพคะ"
เมื่อผลักประตูออกอวิ๋นหลัวฉวนก็คิดจะจากไป อ๋องตวนมองดูนางจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ บางทีอาจจะอยู่ที่นี่เป็นเวลานานเลยจิดชืดไม่มีความหมายใด แต่เมื่อมองดูอวิ๋นหลัวฉวนกำลังจะจากไปจึงอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง อ๋องตวนจึงลุกขึ้นเดินตามออกไป
ทั้งสองคนมาถึงยังลานจวนก็เพื่อที่จะออกไป แต่อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปถึงตรงหน้าประตูกลับเปิดประตูไม่ออก
เคาะแล้วเคาะอีก: "มีผู้ใดอยู่หรือไม่?"
แม่นมเว่ยยืนอยู่ตรงหน้าประตูผู้ใดจะกล้าพูด ผู้คนมากมายมองอยู่ตรงหน้าประตูแต่ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดเลย
อ๋องตวนก็แปลกใจ ผลักประตูแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดออกมาจริงๆ
ในเวลานี้อ๋องตวนจึงได้แปลกใจแล้วเช่นกัน
"ให้ข้าดู"
อ๋องตวนเดินไปยังหน้าประตูเตรียมตัวเปิดประตู คิดหาวิธีก็ได้แต่ต้องทำสิ่งใดบ้าง
ท้ายที่สุดประตูถูกลงกลอนเอาไว้ ออกไป? พูดง่ายแต่ทำยาก!
“ดูแล้วถูกขังไว้ซะแล้ว รอก่อนเถอะ”
อ๋องตวนนั้นสงบนิ่ง อวิ๋นหลัวฉวนชื่นชมในความสงบนิ่งเช่นนี้ของเขา ถูกขังเอาไว้ออกไปไม่ได้ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?
“หม่อมฉันควรต้องกลับไปแล้วไม่เช่นนั้นท่านย่าจะเป็นห่วงหม่อมฉันแล้ว”
อวิ๋นหลัวฉวนยังคงเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ บางครั้งก็เร่งรีบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อ๋องตวนกลับสงบสติอารมณ์ไว้นิ่ง: “หากถูกขังแล้วก็คือไม่ยอมปล่อยให้ออกไป ออกไปได้ก็ไม่ใช่ถูกขังแล้ว กลับมาเถอะ”
นั่งลงแล้วอ๋องตวนก็กล่าวขึ้นอีกว่า: “แต่ก็ไม่มีวันถูกขังไว้ชั่วชีวิต”
อวิ๋นหลัวฉวนมองย้อนกลับไปและทำได้เพียงนั่งลงเท่านั้น
ทั้งสองคนกล่าวสิ่งใดไม่ออกทว่าอ๋องตวนกลับรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับความทะเยอทะยานของจวินฉูฉู่ การอยู่กับอวิ๋นหลัวฉวนนั้นสบายใจมากกว่า
แม้ว่านางจะเป็นคนพูดตรงแต่ก็ยังดีกว่าจวินฉูฉู่ที่ข้างนอกแสนดีข้างในโหดเหี้ยม
นั่งอยู่ครู่หนึ่งอ๋องตวนก็ถามว่า: “ช่วงนี้ทานอาหารได้แล้วหรือไม่?”
อวิ๋นหลัวฉวนนั้นไม่เคยยื่นมือออกไปตบผู้ที่ยิ้มมาให้ อ๋องตวนพูดดีนางก็ตอบดีๆ
“ดีขึ้นมากแล้ว ต้องขอบคุณพระชายาอ๋องตวนของท่าน” คำพูดนี้ช่างทิ่มแทงใจ
อ๋องตวนรู้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนมีอคติต่อจวินฉูฉู่ เขาจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพียงแค่ฟังนางวิจารณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ