ฉีเฟยอวิ๋นเดินมายังข้างกายของมู่เหมียน ก่อนจะจับข้อมือตรวจชีพจรให้กับนาง พบว่าพลังชีวิตอ่อนแอลงมาก
มู่เหมียนพลันลืมตา เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นจึงคลี่ยิ้มอย่างดูหมิ่น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจนาง ถึงอย่างไรนางก็เพิ่งสูญเสียสหายที่ดีที่สุดไป
หลังจากตรวจอาการแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ลุกขึ้นยืนและออกไป ยื่นใบสั่งยาให้แก่พ่อบ้านอาวุโส กำชับอย่างหนักแน่นว่าหากนางไม่ดื่มก็ให้จับกรอกปาก
พ่อบ้านอาวุโสจึงออกคำสั่งเด็กรับใช้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กลับไปพักผ่อน
ยามราตรีที่เงียบสงัด คนของจวนกั๋วจิ้วมาเยือน ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ตกใจตื่น
ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงตะโกนร้องเรียกอยู่หน้าประตู จึงได้ลุกขึ้นมานั่ง หนานกงเย่สวมเสื้อผ้าลงจากเตียง ในระหว่างที่ใส่เสื้อคลุมนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ท่านอ๋อง ฮูหยินกั๋วจิ้วทรงประชวรหนักพ่ะย่ะค่ะ” อาอวี่รายงานอยู่หน้าประตู
หนานกงเย่กล่าวถาม : “มาหามู่เหมียน?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งมู่เหมียนกลับจวน”
หนานกงเย่เดินออกมา ฉีเฟยอวิ๋นเองก็นอนไม่หลับอีก จึงลุกขึ้นและเริ่มใส่เสื้อผ้า
รอจนนางออกไปมู่เหมียนก็เดินทางไปแล้ว กระทั่งเห็นหนานกงเย่หมุนตัวกลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินเข้าไปถาม : “ท่านอ๋อง อาการปวดศีรษะของฮูหยินกั๋วจิ้วเป็นมากี่ปีแล้วหรือเพคะ?”
“ได้ยินว่าเป็นมาหลายสิบปีแล้วนะ หมอประจำจวนและหมอหลวงก็เคยรักษาแล้ว แต่ก็หาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ ตอนปวดก็ทุกข์ทรมานเจียนตาย บางครั้งก็มักจะพุ่งชนกำแพง มีอยู่ครั้งหนึ่งนางพร่ำเพ้อว่าตนนั้นมีชีวิตมามากเกินพอแล้ว แต่ด้วยความสัมพันธ์ของนางและต้ากั๋วจิ้วที่ยังคงดีเสมอ ต้ากั๋วจิ้วจึงออกตามหาหมอที่มีชื่อเสียงทั่วทุกหนแห่ง เพียงแค่เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะให้แก่ฮูหยินกั๋วจิ้วได้ ให้นางได้มีชีวิตอยู่ต่ออย่างมีความสุข
แต่ความเจ็บปวดนั้น แม้แต่คนธรรมดาก็ทนไม่ได้”
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงไม่บอกหม่อมฉันเร็วกว่านี้เพคะ?” นางไปตรวจดูอาการเองได้
เวลานี้หนานกงเย่มองออกไป และก็นึกถึงนางขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นเดินทางไปยังจวนกั๋วจิ้วในยามราตรี เมื่อถึงหน้าประตูก็เห็นผู้คนพากันคุกเข่า หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป พ่อบ้านได้รีบออกมาต้อนรับ และกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“เชิญท่านอ๋องเย่”
พ่อบ้านปาดน้ำตา ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวขึ้นว่า : "นางอยู่ที่ใด?”
“เรือนหวังเย่ว์หลังจวนพ่ะย่ะค่ะ”
“พาเราไปเดี๋ยวนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นอยากไปดูอาการโดยเร็วที่สุด พ่อบ้านมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นแวบหนึ่ง เขารู้เรื่องของนางดี จึงปฏิเสธฉีเฟยอวิ๋นสตรีผู้นี้อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
แต่เพราะอยู่ต่อหน้าของหนานกงเย่ คงจะกล่าวสิ่งใดไม่ได้
พ่อบ้านจึงหมุนตัวพาฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ไปยังเรือนหลังจวน เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเข้าในไปเรือนหวังเย่ว์ ก็เห็นผู้คนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
คนที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูเรือนเหล่านี้ ล้วนมองออกว่าต้องเป็นคนรับใช้ที่ดูแลอยู่ในเรือนแห่งนี้เป็นแน่ ซึ่งเบื้องหน้าก็คือจวิ้นจู่และจวิ้นอ๋องในจวนแห่งนี้ เวลานี้ต่างพากันร้องไห้ ประตูห้องถูกเปิดออก ภายในยังมีเด็กรับใช้อีกจำนวนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น บนเตียงไม้ก็มีร่างก็ใครบางคนนอนอยู่ ภายในเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงม ราวกับเจ้าตัวได้หมดสิ้นลมหายใจแล้ว!
ฉีเฟยอวิ๋นรีบเดินไปข้างหน้าหลายก้าว : “มาช้าไปอย่างนั้นหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจผู้อื่น สาวเท้าก้าวเข้าไป หนานกงเย่เดินตามหลังของฉีเฟยอวิ๋น คนที่พบเห็นจึงต้องหลีกทางให้
ต้ากั๋วจิ้วกำลังร้องไห้ฟูมฟาย พร้อมกับจับมือของฮูหยินกั๋วจิ้วด้วยความเสียใจจนยากจะเกินรับได้ เมื่อเห็นหนานกงเย่ออกคั่งจึงได้เงยหน้ามองพวกเขา
ฉีเฟยอวิ๋นเดินมายังข้างกายของฮูหยินกั๋วจิ้วและจับข้อมือของฮูหยินกั๋วจิ้ว ตรวจวัดชีพจรโดยรวม
จากนั้นก็บีบปากของฮูหยินกั๋วจิ้วและยัดยาเม็ดบรรเทาอาการโรคหัวใจเม็ดหนึ่งเข้าไป
ต้ากั๋วจิ้วเบิกตามองไปทางอันหลิง ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวขึ้นว่า : “รบกวนต้ากั๋วจิ้วโปรดลุกขึ้นให้ที่แก่หม่อมฉันด้วยเจ้าค่ะ”
ต้ากั๋วจิ้วจึงลุกขึ้นช้า ๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้าไปและนั่งลง นางปล่อยมือและเอื้อมมือไปเปิดดวงตาของฮูหยินกั๋วจิ้ว ซึ่งภายในแดงฉานไปด้วยเลือดฝอย
จากนั้นก็เคลื่อนมือลงมาบีบปาก และเห็นน้ำลายฟองสีขาวด้านใน
บนศีรษะ ถูกตีจนแตก
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบเข็มเงินออกมา และฝังเข็มลงบนศีรษะของฮูหยินกั๋วจิ้ว
ต้ากั๋วจิ้วจึงได้เอ่ยถามว่า : “นางสิ้นใจแล้ว เจ้าจะทำสิ่งใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ