“เป็นสารต้นกำเนิดไม่เพียงพอ ตอนที่เกิดอยู่ในครรภ์มารดา ก็พบว่าได้แข่งกันกับคนอื่นแล้ว มีปมด้อยอย่างแน่นอน แขนขาไม่ค่อยจะดี และสติปัญญาไม่ดี ประมาณการคล้ายกับว่าโง่ทึ่ม หัวใจมีปัญหา และยังมีเมื่อมองไปแล้วจะรู้สึกว่าสบายดีปกติ ทุกอย่างดีแต่ความจริงอ่อนแอโรครุมเร้า ป่วยตั้งแต่เด็ก
ทั้งนี้จะเป็นเพราะตอนที่อยู่ในครรภ์แม่หรือยังเป็นทารกอยู่ในครรภ์นั้น มันมีโอกาสเกิดได้หลายทาง ทางที่หนึ่งขาดสารอาหารบำรุงกินและดื่มไม่ดีพอ เด็กน้อยไม่สามารถที่จะดูดซับสารอาหารที่ควรดูดซับไปหล่อเลี้ยง อีกอย่างคือตอนที่แม่ตั้งครรภ์แล้วมีการสูญเสียสมดุลทางอารมณ์ และร่างกายทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้ อาจจะได้รับการสัมผัสกับยาที่ไม่ดี เคยมีอาการตื่นตระหนก ทั้งหมดนี้ล้วนก่อให้เกิดได้
มีความเป็นไปได้เล็กน้อย เป็นไปได้มาก หรือครึ่งหนึ่งของความเป็นไปได้ และความเป็นไปได้สูงอย่างที่สุด
ฮูหยินกั๋วจิ้วมีแฝดเป็นชาย ช่วงเวลาที่เกิดมีพี่น้องออกมาพร้อมกัน และมากกว่าครึ่งเรื่องสุขภาพของฮูหยินมาเป็นตัวตัดสินเพศของเด็กด้วย
หากว่าฮูหยินมีอาการปวดศีรษะสุขภาพจะดีกว่าเด็กผู้นั้นหน่อย และเด็กผู้นั้นมีโอกาสที่จะเป็นหญิงสาวด้วย หากว่าฮูหยินมีอาการย่ำย่ำกว่าเด็กผู้นั้น เด็กผู้นั้นก็คือผู้ชาย”
“เป็นการคาดเดาที่เลอะเทอะมาก ด้านนอกลือว่าพระชายาเย่เป็นหมอวิเศษอัจฉริยะที่กลับชาติมาเกิด รักษาคนหายแล้วจำนวนไม่น้อย แต่ข้าว่าก็เป็นเพียงความเคราะห์ดีเท่านั้นเอง
แม้ว่าพระพันปีจะเคยกล่าวถึงเรื่องความรู้ความสามารถทางการแพทย์ของพระชายาเย่ แต่วันนี้ดูแล้วก็เฉยๆไม่ได้อะไร
ฮูหยินเป็นบุตรสาวคนโตของเรือน นี่เป็นเรื่องที่คนต่างรู้กัน โดยแท้จริงแล้วไม่มีพี่น้องออกมาด้วยกัน
อีกอย่าง ตั้งแต่เล็กฮูหยินเป็นดั่งเจ้าหญิง ท่านแม่ยายจะกินดื่มบำรุงไม่ดีได้อย่างไรกัน
และยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าท่านแม่ยายได้รับความกระทบกระเทือนหรือตกใจ ท่านแม่ยายเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมอันดีงาม แม้ว่านางจะเดินยังมีคนประคอง”
ต้ากั๋วจิ้วกล่าวพูดออกมาอย่างไม่มีความเกรงใจ ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูดสิ่งใดมากมายแล้ว ในเมื่อเขาได้มั่นอกมั่นใจไปแล้ว เธอพูดอะไรไปมันก็ไม่ได้มีความหมาย
แต่เวลานี้ ฮูหยินของกั๋วจิ้วได้กล่าวขึ้นว่า “ท่านต้ากั๋วจิ้ว พูดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ท่านเพียงแค่ไม่รู้เรื่องราวภายในครอบครัวของข้า แท้จริงแล้วข้ามีพี่ชายฝาแฝด!”
จากนั้นฮูหยินของกั๋วจิ้วจึงร่ำไห้ออกมาทันที
ต้ากั๋วจิ้วชะงักงัน หมุนตัวเดินไปนั่งลง แล้วปลอบประโลมใจ
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองหนานกงเย่ที่นั่งหน้าบึ้งอยู่อีกด้าน ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ต้อนรับขับสูครอบครัวนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะอะไร
มองดูแล้วคล้ายดั่งครอบครัวเดียวกัน แต่ทว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรกลับไม่ชอบ
ฉีเฟยอวิ๋นมีความรู้สึกว่า กั๋วจิ้วไม่ยินยอมที่จะใช้ใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตนเองไปแนบกับก้นที่เย็นเฉียบของหนานกงเย่เลย
ฮูหยินกั๋วจิ้วร้องไห้อยู่สักพักหนึ่งถึงได้ผละตัวออกจากต้ากั๋วจิ้ว
แต่ร่างกายของนางพร่องอ่อนแอมาก ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ ครั้งนี้คล้ายดั่งกับว่าเป็นอัมพาตเลย
ฮูหยินต้ากั๋วจิ้วมองฉีเฟยอวิ๋นสักพักหนึ่งจากนั้นกล่าวว่า “เรื่องที่ข้ามีพี่ชายนั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลย มีเพียงท่านย่าของข้าที่รู้
จำได้เมื่อครั้นยังเด็ก ข้าเล่นด้วยกันกับน้องชายสองคน น้องชายนิสัยไม่ดี และนิสัยแตกต่างจากคนทั่วไป เขาอายุยังน้อยก็ชอบตีคนรับใช้ คนรับใช้ไม่สามารถทนได้ร้องโหยหวน เขายังไม่ยินยอมปล่อยไป ข้าเห็นว่าคนรับใช้ผู้นั้นไร้ความสุข ข้าเลยใช้แส้ตีน้องชาย
คิดไม่ถึงว่าน้องชายจะไปรายงานท่านย่า จากนั้นข้าเลยถูกเรียกตัวไป
ท่านย่ารักน้องชายเป็นอย่างมาก ข้าก็เลยโต้เถียงกันกับนาง คิดไม่ถึงเลยว่าท่านย่าจะกล่าวกับข้าว่า ข้าทำให้ท่านพี่ต้องตาย วันนี้หากไม่รักน้องชาย ก็เป็นบาปหนา
ข้าเพิ่งจะรู้ ตอนที่ท่านแม่ให้กำเนิดข้า ยังคลอดท่านพี่ด้วย แต่ท่านพี่ของข้าพอเกิดมาก็ตายจากไปแล้ว
สาเหตุอย่างไรไม่แน่ชัด แต่ทว่าข้ากลับได้มีชีวิตอยู่ต่อ
และตอนวัยเด็กข้าร้องไห้โวยวายอย่างแปลกประหลาด มักจะตีทุบที่ศีรษะของตนเอง
ท่านย่าของข้าก็เลยรู้สึกว่าเป็นเพราะวิญญาณของท่านพี่ข้าไม่เลือนหายไป ถึงได้ทำให้ข้าเป็นเยี่ยงนี้
เวลาต่อมาท่านแม่ให้กำเนิดน้องชาย ศีรษะของข้าจึงค่อยๆดีขึ้น นี่ถึงได้รู้ว่าเป็นการกลับมาของท่านพี่
เพราะฉะนั้นข้าเลยต้องทำดีกับน้องชายมากๆ
เรื่องนี้แน่นอนว่าท่านย่าของข้าไม่มีทางกล่าวพูดกับผู้อื่น คิดว่าท่านพ่อของเจ้าก็ไม่รู้เรื่องนี้
แต่เมื่อเจอความรู้ความสามารถทางการแพทย์ของพระชายาเย่ช่างดีเหลือเกิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ