รถม้ามาถึงยังนอกเมืองตรงที่ห้าสิบลี้ก็หยุดลง ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตอยู่บนพื้นดินและอาอวี่ก็ลงรถไปดูอยู่ครู่หนึ่ง ในเวลานี้ปู้เหวินและคนอื่นๆก็อยู่ตรงด้านหน้า ผู้คนถูกฆ่าตายจนเกือบหมดแล้ว แต่ว่าฝั่งตรงข้ามมีชายชุดดำเข้ามาสองสามคนซึ่งช่างเก่งกาจยิ่งนัก
พวกเขาเป็นเหมือนร่างอมตะ ต่อให้ถูกฆ่าเช่นไรก็ไม่ตายและบนร่างก็ไม่มีเลือดไหลเลย
พวกปู้เหวินได้หมดเรี่ยวแรงแล้วแต่ผู้คนฝั่งตรงข้ามกลับไม่ได้ล้มลงแม้แต่ผู้เดียว และพวกปู้เหวินในตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บกันซะแล้ว เลือดที่ไหลออกมาเป็นเลือดที่ถูกพิษทั้งนั้นและเลือดทั้งหมดนั้นก็เป็นสีดำ
หนานกงเย่เปิดม่านเหลือบมองดู ฉีเฟยอวิ๋นเอียงศีรษะและเตรียมที่จะมองดู ผลก็คือลูกธนูบินดอกหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาจากระยะไกล อาอวี่ไม่ได้เตรียมระวังไว้ ลูกธนูมาเร็วเกินไปและตำแหน่งของลูกธนูก็ยิงออกมาจากข้างหูของอาอวี่ การตอบสนองของอาอวี่คือหลบเลี่ยงไป นี่เป็นการตอบสนองของสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์
ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและในเวลาครู่เดียวนี้ หนานกงเย่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อคุ้มครองฉีเฟยอวิ๋น มือขวาจับลูกธนูซึ่งพุ่งบินตรงมายังหัวใจ
แม้ว่าลูกธนูจะถูกคว้าไว้ได้ทว่าลมของลูกธนูก็ได้ผ่านเข้าไปในกาย
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นได้ชัดว่าร่างของหนานกงเย่สั่นสะเทือนครู่หนึ่ง
“ท่านอ๋อง” มือทั้งคู่ของฉีเฟยอวิ๋นจับไหล่ทั้งสองของหนานกงเย่เอาไว้
หนานกงเย่ถอนหายใจอย่างโล่งอก: “ไม่เป็นไร”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังมือของหนานกงเย่ซึ่งมือของเขานั้นดำซะแล้ว
หนานกงเย่วางลูกธนูลงลุกขึ้นแล้วออกจากรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นจับข้อมือของเขาทันทีและเริ่มตรวจก็พบว่าหนานกงเย่ถูกพิษแล้ว และร่างของเขาดูเหมือนว่าเส้นเลือดนั้นจะได้รับบาดเจ็บจนบางที่เริ่มบิดเบี้ยวบ้างแล้ว แต่เขายืนอยู่นอกรถม้าราวกับว่าไม่เป็นอะไร
เขามองไปโดยรอบ ดวงตาของเขาแหลมคมดังเหยี่ยว
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาถอนพิษเม็ดหนึ่งยัดเข้าไปในปากของหนานกงเย่เพื่อระงับพิษของเขาชั่วคราว
“ท่านอ๋องระวัง!”
ฉีเฟยอวิ๋นปวดใจเจียนตาย สายตาแปรเปลี่ยนเป็นอำมหิตเนื่องด้วยความโกรธ
นางมองไปโดยรอบและมองหาผู้ที่ลอบยิงทำร้ายผู้คน
เรื่องในวันนี้นั้นไม่ธรรมดา เพียงแค่คนของตระกูลเฉินหลบหนีไปเท่านั้น หากมิใช่ตระกูลเฉินสมคบคิดกับพวกกบฏก็คือพวกกบฏนั้นได้คาดคะเนเวลาที่พวกเขาออกมาได้แม่นยำเพื่อต้องการสกัดกั้นและสังหารพวกเขาที่นี่
ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งตระหนักในเวลานี้ว่าผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกปู้เหวินนั้นร่างกายแข็งแกร่งพร้อมทั้งแววตาเฉื่อยชา
และเลือดที่ไหลออกมานั้นเป็นสีดำ มือของพวกเขาแตกต่างจากมนุษย์พร้อมทั้งด้วยกรงเล็บอันแหลมคม
ใต้เบ้าตานั้นเป็นสีดำ นัยน์ตาของพวกเขาเป็นสีขาวซะส่วนมากสีดำเป็นส่วนน้อย เห็นได้ชัดว่าถูกควบคุมเอาไว้
แต่การควบคุมเช่นนี้ฉีเฟยอวิ๋นเคยเห็นเพียงแค่ในโทรทัศน์ ดูราวกับว่าจะเป็นวิธีสะกดจิต สามารถใช้เข็มทองเข็มเงิน ตัวยาและจังหวะเสียงเพื่อควบคุมคนผู้หนึ่ง แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบเจอจริงๆ
“ท่านอ๋อง พวกเขาถูกคนควบคุมเอาไว้แล้ว!” ปู้เหวินกล่าวขึ้นมา หนานกงเย่เปิดหัวเข็มขัดออกจากเอวแล้วชักกระบี่อ่อนออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นมองเขา: "ท่านอ๋อง นี่......"
"ไม่เป็นไร"
หนานกงเย่คว้าฉีเฟยอวิ๋นไว้แล้วก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นจำต้องลดเข็มเงินลงมา
“อาอวี่ เจ้าระวังหน่อยอย่าขยับ” ฉีเฟยอวิ๋นสั่ง ในเวลานี้ไม่รู้ว่าศัตรูนั้นอยู่ที่ใด การกระทำที่หุนหันพลันแล่นก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย
"พะย่ะค่ะ"
อาอวี่ไม่กล้าขยับแล้วมองไปโดยรอบ
พวกปู้เหวินนั้นอยู่ตรงหน้า ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปถึงข้างกายคนผู้หนึ่งแล้วจับข้อมือของเขา ถูกพิษซะแล้วและพิษก็ได้เข้าสู่หัวใจ
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาถอนพิษยัดเข้าไปในปากของปู้เหวินและพวก
เดินไปถึงตรงหน้าของพวกปู้เหวินหนานกงเย่กล่าวขึ้นว่า: “ปกป้องพระชายา”
พวกปู้เหวินรีบเดินไปยังตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น แล้วล้อมฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้ มือของฉีเฟยอวิ๋นคลายออกจากนั้นร่างของหนานกงเย่ก็แว๊บออกไปซะแล้ว เมื่อนางตอบสนองได้แล้วร่างที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกล้อมไปด้วยคนกลุ่มหนึ่งและกำลังจัดการกับเขา
ฉีเฟยอวิ๋นเป็นกังวลชั่วขณะหนึ่งจึงได้พุ่งออกไป หนานกงเย่กล่าวอย่างโมโหว่า: “กลับไปซะ”
“ท่านอ๋อง......” ฉีเฟยอวิ๋นแทงเข็มหนึ่งลงไป ผู่ที่ราวกับคนตายที่มีชีวิตนั้นได้หันหลังกลับราวกับหินแล้วมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่ถูกล้อมเอาไว้ เขาคว้าตัวคนผู้หนึ่งไว้แล้วใช้กำลังภายในจนคนผู้นั้นฉีกแยกออกในทันที
แต่ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ในสถานการณ์อันตราย เขาเข้าไปช่วยก็สายเกินไปซะแล้ว
"อาอวี่"
อาอวี่ในเวลานี้ได้พุ่งไปหาฉีเฟยอวิ๋นแต่ก็ไม่ทันการ ฝ่ายตรงข้ามปีนป่ายด้วยฝ่ามือมาโดยที่ฉีเฟยอวิ๋นนนั้นไม่สามารถปัดป้องได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ