ฉีเฟยอวิ๋นเห็นนัยน์ตาของหนานกงเย่ก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ได้เจตนาดี ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กล่าวออกไปว่า : “ท่านอ๋อง ไม่สู้กลับไป แล้วให้เจ้าแห่งอีกากินเนื้อดีกว่านะเพคะ?”
“มันไม่ง่ายเช่นนั้น รอจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย ข้าจะให้เจ้าแห่งอีกาและทั้งตระกูลกินอาหารดีหรือไม่?”
“กา กา ....” เจ้าแห่งอีกาดีใจอย่างมาก จากนั้นก็บินทะยานสู่ฟากฟ้าและจากไป
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังทิศทางที่เขาบินจากไป กระทั่งมีเจ้าอีกาน้อยตัวหนึ่งโรยตัวลงมาบนไหล่ของนาง ฉีเฟยอวิ๋นมองไปและถามว่า : “เจ้าเป็นใครกัน?”
เจ้าอีกาน้อยเชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่งเหมือนกับจะยกตนข่มท่าน มันไม่ใส่ใจฉีเฟยอวิ๋น และไม่สนใจใยดีฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นยื่นมือออกไปคว้าตัวมัน : “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะต้มเจ้าหรอกหรือ?”
เจ้าอีกาน้อยยังคงไม่สนใจ หนานกงเย่เห็นดังนั้นจึงยิ้มเยาะออกมา : “นางไม่พูดเจ้าจะทำอย่างไรได้?”
“กา....” เจ้าแห่งอีกาที่บินโฉบอยู่ไกล ๆ ได้ส่งเสียงร้องออกมา ฉีเฟยอวิ๋นและคนอื่น ๆ มองออกไป หนานกงเย่ดึงตัวของฉีเฟยอวิ๋นเดินไปทางนั้น หลังจากเดินไปได้สองสามเมตร ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งนอนตายอยู่บนพื้น บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยอีกาดำ
อาอวี่รีบเข้าไปตรวจสอบทันที : “ท่านอ๋อง เป็นคนของตระกูลเฉิน คนของกรมกลาโหม พวกเขาถือตราทหาร ดูท่าทางน่าจะเป็นทหารม้าที่ถูกส่งตัวมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ พวกเขาเป็นกบฏ กำลังแลกเปลี่ยนตราทหารกับใครบางคนเป็นแน่” สีหน้าของหนานกงเย่นั้นแย่ลงมาก จากนั้นก็มองไปยังฉีเฟยอวิ๋นที่ยืนเคียงข้าง
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจตะลึงพรึงเพริด : “ตระกูลเฉินเดินทางออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เพราะการตายของกั๋วกงอาวุโสทั้งหมด หากกั๋วกงอาวุโสพบว่าคนในตระกูลสมรู้ร่วมคิดก่อการกบฏกับคนของชินอ๋อง เขาจะต้องรีบกำจัดผดุงความยุติธรรมแม้จะเป็นญาติมิตรสนิทกัน แต่ตระกูลอื่นลงมือไปก่อนก้าวหนึ่ง ทำให้กั๋วกงอาวุโสตายอย่างไม่ยุติธรรม
ตระกูลเฉินกลัวว่าเรื่องจะแพร่งพราย เพื่อให้จัดการทุกอย่างได้สะดวกขึ้น จึงให้คนบางส่วนเข้าไปอยู่ในกรมกลาโหมค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปส่วนกลางของในกรมกลาโหม ยึดตราทหาร และอีกส่วนก็คือกรมการค้า เป้าหมายในกรมการค้าของเขาคือเพื่อระดมเงินทุน ไว้สร้างเป็นยุ้งฉาง*ในภายภาคหน้า
ท่านอ๋อง พวกเขากล้าหาญเกินไปหรือไม่เพคะ?”
หนานกงเย่กล่าวอย่างเย็นชา : “พวกเขาคิดมาดีแล้ว ดูท่าครานี้คงเป็นแผนโต้กลับที่พวกเขาตระเตรียมไว้”
หนานกงเย่มองไปยังคนที่นอนไร้ลมหายใจอยู่บนพื้น พลางกล่าวว่า : “ไม่รู้ว่าเจ้าแห่งอีกาจะชอบกินเนื้อคนด้วย?”
เจ้าแห่งอีกาส่งเสียงขานรับ กา กา จากนั้นก็รีบบินโฉบตามเหล่าอีกาตัวอื่นลงมา บนพื้นมีศพนอนเรียงรายมากกว่าสิบชีวิต มากพอที่จะกลายเป็นงานเลี้ยงมื้อใหญ่ของอีกาดำเหล่านี้
ฉีเฟยอวิ๋นอดให้ความสำคัญกับเรื่องที่อีกาดำกินเนื้อคนไม่ได้ แต่นี่คงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว หนานกงเย่หาคนในตระกูลจงชินไม่เจอสักคนเดียว เขาถามเจ้าอีกาดำที่โรยตัวลงมาเกาะบนบ่าของเขาว่า : “แต่ก็เห็นคนหนีตายกันอย่างอุตลุดตกลุ่มหนึ่งใช่หรือไม่?”
เจ้าอห่งอีกาส่งเสียงร้อง กา กา ออกมา หนานกงเย่จึงมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น ซึ่งฉีเฟยอวิ๋นได้กลายเป็นล่ามแปลไปแล้ว
“เขาบอกว่ามีคนชุดดำผู้หนึ่งหนีไปได้ พวกเขาไล่ตามคนชุดดำนั้นไปและหายตัวไปในหมอกควันอย่างไร้ร่องรอย”
ฉีเฟยอวิ๋นเองก็เพิ่งเคยได้ยินว่ามีคนหายตัวไปในหมอกควันอย่างไร้ร่องรอยเป็นครั้งแรก เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาพรางตา
ถึงอย่างไรอีกาดำก็เป็นสัตว์ เขาไม่เหมือนมนุษย์ แต่ก็รู้ความมาก ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขอบคุณ ที่มักจะดูละครโทรทัศน์อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นก็คงจะเป็นเหมือนกบในกะลา
หนานกงเย่กล่าวว่า : “ขอบใจเจ้ามาเจ้าแห่งอีกา ข้าต้องกลับแล้ว เจ้าแห่งอีกากลับกับข้าเถอะ”
“กา กา ......” เจ้าแห่งอีกาตามหนานกงเย่กลับไป ส่วนฉีเฟยอวิ๋นก็กุมมือของหนานกงเย่ไว้ ตลอดทางกลับ นางกุมมือของหนานกงเย่ไว้แน่น
ฉีเฟยอวิ๋นขึ้นไปบนรถม้าแล้ว หนานกงเย่จึงได้เอนกายนอนลง
ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยม่านหน้าต่างรถม้าลง และให้หนานกงเย่ดื่มเลือดของนาง หนานกงเย่มองไปทางนางครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดริมฝีปากแน่น : “ปู้เหวินและคนอื่น ๆ ต้องดื่มด้วยหรือไม่?”
“ต้องดื่มเพคะ แต่คงจะดื่มมากไม่ได้ ท่านเองก็ต้องฝืนหน่อย ให้เลือดในร่างกายได้ไหลเวียน เส้นเอ็นของท่านได้รับความเสียหาย หากท่านไม่ดื่มเลือดหม่อมฉันอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้”
หนานกงเย่จึงต้องดื่มเลือดของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหยิบเข็มเงินออกมาฝังให้เขา เขาจึงค่อย ๆ ดีขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าต้องเดินทางกลับเมืองหลวง
แต่เขากลับกล่าวว่า : “ไม่กลับ อาอวี่เจ้ากลับไปก่อนเถอะ นำป้ายคล้องเอวของข้าไปหาท่านอ๋องตวนด้วย บอกเขาว่า ข้าไปตระกูลเฉินแล้ว มีเรื่องต้องไปหาจวนฉีกั๋วกงและจวนท่านแม่ทัพ รวมทั้งราชครูจวิน”
“ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้ ปู้เหวินและคนอื่น ....”
อาอวี่เป็นกังวลไม่ยอมจากไปง่าย ๆ สีหน้าหนานกงเย่ไม่สู้ดีนัก : “ให้เจ้ากลับ ก็กลับไปเถอะ”
อาอวี่ไม่กล้าขัดขืน จึงหมุนตัวและจากไปอย่างรวดเร็ว
หนานกงเย่เอนกายนอนกลับลงไป สีหน้าซีดเผือด เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิท : “อวิ๋นอวิ๋น ข้าจะไม่ตายใช่หรือไม่?”
“ไม่แน่นอน” ฉีเฟยอวิ๋นจะทนเห็นเขาตายได้อย่างไร?
แต่นางก็ปวดใจ นางเกลียดชังคนที่ตายไปแล้วเหล่านั้น
หนานกงเย่กุมมือของฉีเฟยอวิ๋นไว้ : “ข้าง่วงแล้ว ขอพักชั่วครู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ