ฉีเฟยอวิ๋นและคนอื่น ๆ เดินขึ้นไปดูบนเรือน และเห็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งถูกเจ้าอีกาน้อยขวางไว้ แม้ว่าเจ้าอีกาน้อยตัวนี้จะตัวเล็กมาก แต่พลังการโจมตีกลับแข็งแกร่งมาก นางรู้สึกไม่ดี และกำลังจะลงมือโจมตี แต่เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือสิ่งใดอย่างชัดเจน จึงได้ตะโกนออกไป : “อย่าทำร้ายนาง”
เจ้าอีกาน้อยจึงได้เปลี่ยนทิศทาง และโผบินขึ้นไปเกาะบนหลังคา
“เจ้าจิ้งจอกน้อย!”
จิ้งจอกหางสั้นไม่ส่งเสียงใด ๆ ในปากของนางคาบถุงใบหนึ่ง ซึ่งถุงใบนั้นไม่ได้เล็กมากนัก แต่ดูแล้วค่อนข้างหนักเอาเรื่อง นางไม่อยากสู้กับเจ้าอีกาน้อย นางพุ่งเข้ามาหาฉีเฟยอวิ๋นอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงข้างเท้าของฉีเฟยอวิ๋น ก็กระโดดขึ้นไปหานาง
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบถุงใบนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยได้ปีนป่ายขึ้นไปบนคอของนาง และนอนอยู่ตรงนั้น เจ้าอีกาน้อยบินกลับมาไม่มีที่เกาะ นางจึงเกาะอยู่บนตัวของเจ้าจิ้งจอกน้อย ผลสุดท้ายเจ้าสองตัวนี้จึงทะเลาะเบาะแว้งกัน
ฉีเฟยอวิ๋นนำตัวเจ้าจิ้งจอกน้อยลงมากอดอยู่ในอ้อมแขน : “เจ้ามาได้อย่างไร? ทั้งยังรู้จักนำสมุนไพรแก้พิษที่ดีเพียงนี้มาให้ข้า ไปได้ยินอาอวี่บอกสิ่งใดมาใช่หรือไม่?”
เจ้าจิ้งจอกน้อยส่งเสียงขานรับ อาวู๊ อาวู๊ ออกมา ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม : “ขอบใจ!”
นางไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยกล่าวอะไร รู้แค่ว่านางมาเพื่อฉีเฟยอวิ๋น
เจ้าจิ้งจอกน้อยเหนื่อยมาก จึงหมุนตัวและกระโดดออกจากตัวของฉีเฟยอวิ๋น วิ่งเข้าไปในห้อง การเคลื่อนไหวนางว่องไวมาก ไม่นานก็มาถึงภายในห้อง หลังจากเข้ามาแล้วก็เห็นหนานกงเย่ จึงได้กระโดดขึ้นไปและแทรกตัวอยู่ในผ้าห่มข้างกายของหนานกงเย่ กรงเล็บคู่นั้นได้ยื่นเข้าไปใต้ผ้าห่ม ขดตัวอยู่ข้างกายของหนานกงเย่
ส่วนฉีเฟยอวิ๋นก็หยิบยาลูกกลอนในถุงนั้นออกมา ภายในเป็นยาลูกกลอนที่มีฤทธิ์ทำให้เลือดเข้มข้นที่นางต้องเก็บไว้ทุกวันเผื่อเอาไว้ แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพมากสู้เลือดของนางไม่ได้ แต่การกำจัดพิษกลับมีประสิทธิภาพมากทีเดียว ในนี้ยังมีเลือดของไป๋ซู่ซู่อีกด้วย
เจ้าจิ้งจอกน้อยคาบมาให้ นางซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
นางหยิบยาลูกกลอนให้คนละสองเม็ดพลางกล่าวว่า : “กินก่อนนอน และหลังตื่นนอน คู่กับน้ำ จะไม่เป็นไร ส่วนสมุนไพรเหล่านั้นก็ไม่ต้องกินแล้ว ประเดี๋ยวเตรียมอาหารและกินไปก่อนนะ อย่าอิ่มเกินไปล่ะ ฝากเตรียมให้ข้า เจ้าจิ้งจอกน้อย และเจ้าอีกาน้อยด้วย เจ้าจิ้งจอกน้อยและเจ้าอีกาน้อยกินเนื้อนะ สิบชั่ง และเป็นเนื้อสดด้วย”
ฉีเฟยอวิ๋นชี้แจงอย่างชัดเจน และหันกลับไปมองหนานกงเย่ เจ้าอีกาน้อยเองก็บินตามนางเข้าไป
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นหนานกงเย่ ก็เดินเข้าไปบีบปากของเขาและป้อนยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งให้เขา จากนั้นก็หยิบน้ำกรอกตามเข้าไป
หลังจากกินยาแล้วหนานกงเย่ก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว จากนั้นก็ลืมตามองฉีเฟยอวิ๋น เป็นอย่างนั้นเนิ่นนานก่อนจะกล่าวว่า : “ข้าตื่นแล้วหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดไม่ออก ถึงแม้นางจะรู้ว่าหนานกงเย่ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เมื่อเขาตื่นนางก็อดตื่นเต้นมากไม่ได้
“ตื่นแล้วเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นเช็ดน้ำตา ร้อนใจจะแย่ให้ตายสิ!
นางเป็นหมอมานานหลายปี นางเห็นคนตายมานักต่อนัก แต่ไม่ใช่คนของนางเอง ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจจึงไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนถึงเพียงนั้น
กระทั่งความโชคร้ายมาถึงตัวนางเอง นางจึงได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
หนานกงเย่ยื่นมือออกไปเช็ดดวงตาของฉีเฟยอวิ๋นที่กำลังจะร้องไห้ : “ร้องไห้ทำไม ข้าไม่เป็นอะไรแล้วไม่ใช่หรือ?”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ไม่ต้องฝืนขนาดนั้นก็ได้ ท่านรู้ว่าร่างกายของท่านโดนพิษ เส้นเอ็นได้รับความเสียหาย ท่านก็ยังออกไปตาม?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้โกรธถึงเพียงนั้น แต่นางเป็นห่วงต่างหาก!
หนานกงเย่เหม่อลอยเล็กน้อย และรีบกล่าวออกไป : “ข้าสู้รบมาตั้งแต่วัยเยาว์นับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งก็มักจะเป็นเช่นนี้ แต่ในตอนนั้นด้านหลังของข้าคือบ้านเมือง ด้านหลังของข้าคือองค์จักรพรรดิ และด้านหลังของข้าก็คือฮองเฮา ข้าจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด แพ้คราหนึ่งก็ต้องพ่ายแพ้ไปอีกหลายครา
ข้ายอมตายอยู่ในสนามรบ ดีกว่ายอมทนเห็นศัตรูหนีรอดไปได้กับตาตนเอง หากข้าต้องตาย ข้าก็จะต้องทำลายโอกาสรอดของพวกเขา ข้าจะไม่มีวันยอมปล่อยพวกเขาออกไปเสพสุขได้โดยเด็ดขาด
ฆ่าพวกเขา หยุดพวกเขา ก็จะต้องทำลายล้างคนชั่วให้สิ้นซาก ข้าจึงจะทำได้แค่ต้องสู้เพื่อความผาสุกในภายภาคหน้า ต้องปกป้องประชาชนใต้หล้าที่อยู่ด้านหลังของข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นจ้องมองไปทางหนานกงเย่ โดยที่นางไม่กล่าวสิ่งใด
เดิมทีนางก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกแปลกกับท่าทางของเขาในตอนนี้
นางแค่รู้สึกว่าแค่ไม่ตายก็ดีมากแล้ว
“อวิ๋นอวิ๋น ข้าประมาทเกินไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะคิดถึงพวกเจ้าสองแม่ลูกให้มากขึ้น” หนานกงเย่กลัวผลที่ตามมา ในตอนนั้นเขาพุ่งออกไป แล้วยกนางให้ปู้เหวินและคนอื่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปู้เหวินและคนอื่น ๆ ก็ตกที่นั่งลำบากยากจะปกป้องตนเองได้ เขามีสิทธิ์อะไรไปเชื่อว่าปู้เหวินและคนอื่น ๆ จะสามารถปกป้องนางได้
หากนางตายไป เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?
เมื่อหนานกงเย่ตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ จิตใจของเขาก็สั่นไหวฉับพลัน
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก : “ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ได้ หม่อมฉันก็ดีใจ หวังว่าท่านอ๋องจะจำได้เมื่อถึงครานั้น”
“อวิ๋นอวิ๋นไม่เชื่อใจข้ารึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ