องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 33

สรุปบท บทที่ 33 ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับนาง: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

บทที่ 33 ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับนาง – ตอนที่ต้องอ่านของ องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ตอนนี้ของ องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ โดย จินจิน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 33 ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับนาง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ไม่นานทังเหอก็กลับมารายงาน เมื่อเข้าประตูมา เขาก็เห็นนานกงเย่กำลังนอนอยู่:“พระชายาทรงมีเรื่องรีบร้อน ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นหรือ?”

และไม่ได้พูดอะไร หนานกงเย่หวังว่าจะดีขึ้นเร็ว ๆ ไม่ต้องนอนอยู่เช่นนี้

“ออกไปเถอะ”

หนานกงเย่ไม่พูดอะไรมากและให้ทังเหอออกไป

หลังจากออกไปแล้วทังเหอก็ไปหาฉีเฟยอวิ๋น เมื่อนึกถึงตอนที่พบนางในวังและถามถึงอาการของท่านอ๋อง ฟังดูก็รู้ว่าพระชายายังไม่ได้จากไป แต่ถูกพระมเหสีหวาเชิญตัวไป

ทังเหอรีบกลับไปบอกหนานกงเย่ หนานกงเย่ก็ไม่แปลกใจ:“ในเมื่อนางสามารถมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้ แล้วพระมเหสีหวาจะทำอะไรนางได้”

ถึงแม้ว่าจะพูดเช่นนี้ หนานกงเย่ก็ยังไม่สามารถพักผ่อนได้ ฉีเฟยอวิ๋นทำให้เขาเหงื่อตก

เขารู้ดีว่าพระมเหสีหวาเป็นคนเช่นไร ถ้าจะจัดการกับใครสักคนจริง ๆ

ไม่ตายก็ต้องเลาะหนังออก

และด้วยนิสัยของผู้หญิงคนนั้น จะต้องไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน และอาจจะพูดอะไรที่กระด้างกระเดื่องกับพระมเหสีหวา เช่นนี้แล้วแม้แต่เนื้อและกระดูกก็คงยากที่จะเหลือ

ฉีเฟยอวิ๋นถูกดักที่หน้าประตูวัง และพาไปที่ตำหนักหวาหยางของพระมเหสีหวา

เมื่อเห็นพระมเหสีหวาไม่ได้ทำอะไรนาง เพียงแค่ให้นางคุกเข่าลงและไม่ยอมให้นางลุกขึ้น

นางแกล้งทำเป็นร่างกายอ่อนแอและหมดสติไป

ในขณะที่พระมเหสีหวากำลังลำพองใจ และเห็นนางล้มลงที่พื้นก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

“เกิดอะไรขึ้น?”

แม้ว่าพระมเหสีหวาจะเกลียดฉีเฟยอวิ๋น แต่นางก็ไม่เคยคิดที่จะให้ฉีเฟยอวิ๋นเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ฉีเฟยอวิ๋นจะเข้าออกจากพระที่นั่งบำรุงฤทัยของฝ่าบาท และเห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทกำลังปกป้องนาง

ถ้าหากนางเป็นอะไรที่ตำหนังหวาหยางจริง ๆ พระมเหสีหวาก็ยากที่จะอธิบายได้

แต่จู่ ๆ ก็หมดสติไป

ขันทีเดินไปข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋น และทสอบดูว่าฉีเฟยอวิ๋นยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ จากนั้นก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง:“กราบทูลพระสนมเอก ลมหายใจรวยริน เกรงว่า……จะหมดสติไป

“เหลวไหล เมื่อครู่ยังดีอยู่เลย”

พระมเหสีหวาตกใจและชี้นิ้วด้วยความโกรธ:“พานางไปส่งที่ท่านอ๋องเย่”

ขันทีก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน แม้ว่านางจะตายก็ควรตายที่ตำหนักหวาหยาง ในเวลานี้นางยังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงแค่นางยังมีชีวิตออกไป ฝ่าบาทก็ไม่สามารถทำอะไรพระมเหสีหวาได้

ขันทีรีบเรียกให้คนมาพาฉีเฟยอวิ๋นออกไปจากตำหนักหวาหยาง และไปที่ห้องโถงด้านข้าง

เกี้ยวหยุดและขันทีกล่าวว่า:“พระมเหสีหวาและพระชายาเย่พูดคุยกัน พระชายาเย่เหนื่อยแล้วจึงส่งมาที่นี่”

ทังเหอไม่รู้เรื่องอะไร แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ แต่ก็ยอมด้วยความเคารพ หลังจากส่งคนที่มาจากตำหนักหวาหยางออกไปแล้ว เขาก็มองไปในเกี้ยวที่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ

“พระชายา เชิญเสด็จลงจากเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ” ทังเหอกล่าวอย่างเคารพ

แม้ว่าฉีเฟยอวิ๋นต้องการที่จะลงไป แต่รอบตัวมีหูมีตาอยู่มากมาย นางไม่รู้ว่าคนของพระมเหสีหวากำลังจับตาดูอยู่หรือไม่ ถ้าลงไปเช่นนี้ วิธีนี้ก็คงจะใช้ไม่ได้ผลในครั้งต่อไป

ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ภายในเกี้ยว ทังเหอจึงเป็นกังวล หรือว่าพระมเหสีหวาฆ่าคนตายแล้วส่งมาที่นี่?

ทังเหอร้องขอด้วยความตื่นตระหนก:“พระชายา พระอาการของท่านอ๋องไม่ค่อยดี และต้องการให้พระชายาเข้าไปปรนนิบัติ ข้าน้ายล่วงเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากพูดจบแล้ว ทังเหอก็เปิดม่าน ฉีเฟยอวิ๋นเอนตัวอยู่ข้างใน ราวกับว่าสลบอยู่

“เร็วเข้า”

ทังเหอเรียกองครักษ์ให้มาช่วย และขันทีก็รีบเข้ามาดู เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นหมดสติอยู่ภายในเกี้ยวก็กลับไปรายงานในทันที

ฉีเฟยอวิ๋นถูกทังเหอพยุงออกมา ในขณะนั้นก็คิดว่าจะพัวพันถึงท่านอ๋องเย่ จึงส่งกลับไป

หนานกงเย่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เขาได้ยินเสียงเอะอะจากข้างนอก เกิดเรื่องขึ้นกับเขาฉีเฟยอวิ๋น เขาก็จะถูกเหยียบย่ำไปด้วยเก้าในสิบ แต่รออยู่นานแล้วก็ไม่ได้เข้ามา เขาจึงหมดความอดทน

“ทังเหอ”

“ท่านอ๋อง”

ทังเหอรีบกลับไป

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ท่านอ๋อง พระชายาทรงหลับอยู่ในเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ” ทังเหอไม่กล้าใช้คำว่าหมดสติ หนานกงเย่แค่คิดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตายแล้วหรือ?” เขาถามอย่างใจเย็น

หนานกงเย่จ้องมอง:“เสแสร้งหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบ พูดไปแล้วจะมีคนเชื่อหรือ?

“ข้าดูไม่ออกเลยจริง ๆ พระชายามีความคิดที่รอบคอบมาก และยังสามารถถอยห่างออกมาต่อหน้าพระมเหสีหวาได้?” หนานกงเย่ก็ประหลาดใจเช่นกัน ก่อนที่จะเข้ามา เขาคิดว่าถูกทุบตีจนพิการไปแล้ว จึงหมดสติไป แต่เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นอะไร เขาก็รู้ว่ายังมีการเปลี่ยนแปลง

ควบคู่ไปกับการสังเกตในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่

ในเวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากที่จะโต้เถียง และนางก็ไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอก นางจึงต้องนั่งคิดเรื่องต่าง ๆ อยู่ข้างใน

ในวังเหมือนอุโมงค์มังกรและถ้ำเสือ นางเข้าออกพระราชวังทุกวัน ถ้าไม่มีคนคอยหนุนหลัง นางก็คงทำไม่ได้

แต่ภายใต้การพิจารณา หนานกงเย่ไม่ดีและเป็นศัตรูของพระมเหสี และฝ่าบาทก็ไม่กล้าล่วงเกินนาง เกรงว่าคนผู้นี้จะน่ากลัวยิ่งกว่าจิ้งจอกเสียอีก

ท้ายที่สุดก็มีเพียงพระพระพันปีที่ดีต่อนาง และยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง

เพียงแต่นางต้องการไปตัวเอง ไม่แน่อาจจะเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง

โลกนี้กว้างใหญ่เสมอและมีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่กลับไม่มีที่ให้อยู่

ฉีเฟยอวิ๋นงุนงง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางแดงก่ำ หนานกงเย่ไม่ได้รบกวนนาง แม้ว่าร่างกายของนางจะเจ็บปวด แต่นางก็ไม่ส่งเสียงออกมา

สายตาจับจ้องไปที่ข้อมือของฉีเฟยอวิ๋น เขาอยากจะดื่มเลือดของนางจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นได้สติกลับมาและเห็นว่าหนานกงเย่จ้องมองไปที่ข้อมือของนาง นางจึงไม่ยอมให้เขามอง

นางลุกขึ้นและต้องการจะออกห่างจากหนานกงเย่ แต่ไม่รู้ว่าหนานกงเย่ทับกระโปรงของนางไว้ นางจึงลุกขึ้นไม่ได้ คนหนึ่งอยู่ข้างล่างคนหนึ่งอยู่ข้างบนอย่างเขินอาย

ในขณะเดียวกันทังเหอก็มีเรื่องเร่งด่วนที่อยากจะพูด ดังนั้นเขาจึงเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู และบังเอิญเห็นคนหนึ่งอยู่ข้างล่างและคนหนึ่งอยู่ข้างบน

“ข้าน้อยไม่เห็นอะไรทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

ทังเหอหันหลังกลับไปและคิดว่าพระชายาทรงรีบร้อนเกินไปแล้ว……ทรงไม่รอให้ร่างกายของท่านอ๋องดีขึ้นก่อน

“ฮึ!เดิมทีข้าใจกว้างมาก แต่เมื่อเจ้าพูด ข้าไม่อาจทนต่อไปได้ หันกลับมา!” หนานกงเย่ไม่ได้โกรธเลย ไม่ได้โกรธทั้งทังเหอและฉีเฟยอวิ๋น

คนทั่วไปจะคิดว่าในเวลานี้จะต้องตกใจและหลบซ่อน แต่ไม่เพียงจะไม่สนใจทังเทอ แต่ยังเป็นไปในทางของตัวเองอย่างสมบูรณ์และใจกว้างมาก เขาคลานลงบนไปข้างล่าง ทังเทอก็พูดของตัวเองไป และนางก็จัดการกับตัวเองไป

นางสะบัดมือออก ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับนาง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ