“ข้าน้อยไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!”
ทังเหอไม่กล้าหันกลับมา ฉีเฟยอวิ๋นเห็นขนมที่อยู่บนโต๊ะ นางจึงเดินไปหยิบมาชิ้นหนึ่ง เมื่อกินแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติไม่เลวเลย นางเหนื่อยมากจนไม่รู้ว่าเลยเที่ยงวันไปแล้วหรือไม่
เมื่อเห็นเศษขนมในมือของฉีเฟยอวิ๋นหล่นลงมา ในขณะที่มืออีกข้างถือขนมอยู่ หนานกงเย่จ้องมองอย่างละเอียด?
“เกิดอะไรขึ้น?”
แม้ว่าหนานกงเย่จะถามทังเหอ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เพียงแต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่เห็นและไม่ได้สนใจ
กินไปชิ้นหนึ่งแล้วรู้สึกว่าอร่อย จึงหยิบมาอีกชิ้นหนึ่ง
มีน้ำอยู่ข้าง ๆ นางจึงเทน้ำแก้วหนึ่งแล้วจิบ จากนั้นก็กินขนมต่อ
“หยิบมาให้ข้าชิมหน่อย”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบสนอง และไม่เคยคิดว่าหนานกงเย่จะคุยกับนาง ทังเหอก็แปลกใจเช่นกัน ตอนที่หันไปตอบหนานกงเย่ เขาก็เห็นฉีเฟยอวิ๋นกำลังกินขนมอยู่
ทังเหอก็พูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังอยากจะกินอยู่อีก
“ข้าบอกให้เจ้านำขนมมา” หนานกงเย่ทำหน้าบูดบึ้ง อยากกินก็ไม่มีใครสนใจจนทำให้โมโห
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจเรื่องของพวกเขา และหยิบขนมชิ้นที่สามมากินต่อไป คราวนี้หนานกงเย่โกรธมาก:“ทังเหอเอาขนมไปทิ้งซะ”
ทังเหอตกตะลึง ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่ นางคิดว่าไม่สามารถกินขนมได้อีกสักชิ้น และกินต่อไม่ได้แล้ว นางจึงวางขนมครึ่งหนึ่งที่เหลือลง
แต่การกระทำของนางทำให้หนานกงเย่โกรธมากยิ่งขึ้น
“อยู่กับข้าไม่ได้หรือ?” หนานกงเย่โกรธโดยไม่มีเหตุผล
ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางเหลือบมองไปที่ประตูและกำลังจะเดินไปข้าง ๆ
“หยุดนะ”
หนานกงเย่คิดว่านางกำลังจะจากไป เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้หญิงคนนี้จะอารมณ์ไม่ดีเช่นดี เอะอะก็จะจากไป
ร่างกายของเขาไม่ค่อยสะดวก นางจงใจ!
ทังเหอรู้สึกลำบากใจ และไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้
ว่ากันว่าสิ่งที่ท่านอ๋องไม่ปรารถนามากที่สุดคือการเห็นฉีเฟยอวิ๋น แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันแปลก ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดและหันไปมอง:“ท่านอ๋อง ข้าแค่จะไปที่มุมอื่น ข้าไม่ได้จะเข้ามา เป็นคนของท่านพาข้าเข้ามา หนึ่งคือข้าไปไหนไม่ได้ สองคือของที่ข้ากิน ท่านอ๋องทนเห็นไม่ได้ ออกไปก็ได้ ทำไมต้องโกรธแจนส่งผลเสียต่อร่างกายด้วยล่ะเพคะ?”
“เจ้ายังจำได้ว่าร่างกายของข้าบาดเจ็บ” หนานกงเย่หายใจอย่างผ่อนคลายเล็กน้อย และเหลือบมองไปที่ทังเหอด้วยท่าทางที่โกรธ:“เกิดอะไรขึ้น?”
“พระพันปีทรงส่งไห่กงกงมาพ่ะย่ะค่ะ”
ทังเหอรายงาน
ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงเรื่องหลักการปฏิบัติตนก่อนหน้านี้ และกลัวว่าจะมาถามเรื่องนี้
“ไปเชิญไห่กงกงเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อทังเหอออกไปแแล้ว หนานกงเย่ก็กล่าวว่า:“เจ้าไม่ต้องกินแล้ว หลักการปฏิบัติตนที่เจ้าฝึกมา ท่องได้แล้วหรือไม่?”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นกะพริบตาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
หนานกงเย่ถอนหายใจ:“มานี่เถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะบอกปัดไปก่อน วันนี้เจ้าอยู่ท่องที่นี่กับข้า แล้วพรุ่งนี้ค่อยท่องกับไห่กงกง”
“ไม่ต้องหรอก”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดอย่างเฉยเมย และท่องกับหนานกงเย่ ไม่ได้ยากเกินไป โชคดีที่เธอทำได้
“ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดี อีกเดี๋ยวจะดูว่าเจ้าจะทำอย่างไร?” หลังจากที่หนานกงเย่พูดจบทังเหอก็พาไห่กงกงเดินเข้าประตูมา
ไห่กงกงสะบัดแส้ขนหางจามรีและกล่าวว่า:“บ่าวถวายพระพรท่านอ๋องเย่และพระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไห่กงกงเกรงใจเกินไปแล้ว ทังเหอ หยิบมา……”
ในขณะที่หนานกงเย่กล่าว ทังเหอได้มอบเงินให้กับไห่กงกง และไห่กงกงก็ยิ้มจนปากฉีกถึงหู ใครบ้างไม่ชอบแก้วแหวนเงินทอง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับรางวัลจากท่านอ๋อง
“บ่าวขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ไห่กงกงไม่ต้องเกรงใจ แค่รับมันไว้”
“ถ้าเช่นนั้นบ่าวก็ขอบพระทัยท่านอ๋องมากพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ