“จวิ้นจู่กล่าวเช่นนี้ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วจริงๆ พวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องในวันนี้ข้าเพียงแค่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนดีจึงได้กล่าวขึ้นไม่กี่คำ
หากจวิ้นจู่คิดว่าเป็นความผิดของข้า ข้าขออภัยด้วย
แต่ฉีเฟยอวิ๋นผู้นี้นางเป็นเช่นไรจวิ้นจู่รู้อยู่แล้ว จวิ้นจู่อย่าได้หลงเชื่อนาง"
“เชื่อหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องมากล่าว เจ้าทำในส่วนของเจ้าให้ดีก็พอ” มู่เหมียนกล่าวอย่างเย็นชารู้สึกรังเกียจเฉินอวิ๋นเอ๋อร์มากขึ้นเรื่อยๆซะแล้ว
มู่เหมียนก็นั่งลงไปเลยอีกฝั่งหนึ่งเพียงแต่นางยังคงจับมือของฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้และไม่กล้าคลายมือ
นางไม่ไว้ใจเฉินอวิ๋นเอ๋อร์และนางต้องการดูอยู่
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เองก็ไม่รีบร้อน นางต้องรอดูไปก่อน
นางเดินไปนั่งลงฝั่งหนึ่งและเงียบเชียบนัก
และพวกเขาก็เผชิญหน้ากันเช่นนี้ มู่เหมียนเหลือบมองไปยังใบหน้าอันซีดเซียวของเฉินอวิ๋นเอ๋อร์เป็นครั้งคราว
รอการมาถึงของหนานกงเย่
ในเวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นได้กลับไปที่ห้องทดลองแล้ว และเธอก็ตกใจที่เธอกลับมาแล้ว
เธอมองไปโดยรอบในห้องทดลองและหวนคิดอย่างละเอียด เธอมั่นใจว่าเธอได้กลับมาถึงสิบปีก่อนหน้าที่จะย้อนเวลากลับไป
นี่คือห้องทดลองก่อนหน้านี้ห้องนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูด้วยความกังวล เธอถูกดึงมาที่นี่แล้วจริงๆ
ก่อนที่เธอจะนอนหลับรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูด ดูเหมือนว่าเธอจะถูกดึงเข้าไปที่ไหนสักแห่งดังนั้นเธอถึงได้กังวล
เป็นแบบนี้จริงๆ
แต่ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หล่ะ?
ฉีเฟยอวิ๋นงุนงง หลังจากดูอยู่ครู่หนึ่งฉีเฟยอวิ๋นก็เดินไปทางหน้าต่างทางโน้น ที่นั่นยังมียาอยู่บ้างและเธอต้องการที่จะไปดู
เธอคิดว่าคงจะเป็นการดีถ้าสามารถหายาแก้อักเสบส่งกลับไปให้เฉินอวิ๋นเจี๋ยและนำยารักษาตับที่มีผลดีเยี่ยมกลับไปด้วย
เพิ่งจะหยุดลงฉีเฟยอวิ๋นก็ได้ยินคนที่อยู่ข้างหลังเธอพูดว่า: "คุณกลับมาแล้วหรือ?"
ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นก็หันไปมองคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู
เขาแต่งกายด้วยชุดพรางตัวพร้อมรองเท้าบู๊ตสีดำและยังมีปืนอยู่ที่เอว
“มู่หรง?”
ฝั่งตรงข้ามนั้นคือซูมู่หรงซึ่งยืนอยู่ด้วยชุดต่อสู้ทั้งตัว ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจอย่างโล่งอกและตกใจตัวแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิม
ซูมู่หรงเดินเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋น ท่าทางของเขาเหมือนเมื่อสิบปีก่อน แต่การพบกันครั้งนี้ดูเหมือนจะรอมาเนิ่นนาน ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเข้ามาฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งนั้น
เมื่อเดินไปหาฉีเฟยอวิ๋นแล้วซูมู่หรงก็ยื่นมือไปที่ใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋น เขาบีบใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นครั้งหนึ่งจนฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่เธอไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันหรือภาพลวงตากันแน่
ดังนั้นเธอจึงกลืนน้ำลายลงด้วยความยากลำบาก
ดวงตาของซูมู่หรงมองต่ำสัมผัสได้ถึงความลึกล้ำและก้าวย่างเข้ามาใกล้ เขาดึงฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในอ้อมกอดและกอดกระชับเธอไว้แน่น
หายใจเข้าลึกๆ: "คุณไม่เสียดายที่กลับมาหรือ?"
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นคางของเธอพาดอยู่ที่ไหล่ของซูมู่หรง เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิตเลยว่าซูมู่หรงจะปฏิบัติกับเธอแบบนี้
ในความทรงจำของเธอ ซูมู่หรงนั้นดุร้ายไร้ความปราณีกับเธอและกระทำอย่างยุติธรรมไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น
ตอนนี้ที่เป็นแบบนี้เหมือนกับฝันร้ายยังไงยังงั้น
หลังจากที่ปล่อยตัวแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ถามว่า: “เกิดอะไรขึ้น?”
“ครั้งที่แล้วที่คุณจากไปผมก็กลับมาแล้วซึ่งก็เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว” ซูมู่หรงจับมือของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นก้มศีรษะลง เขาจับเอาไว้แน่นแล้วฉีเฟยอวิ๋นดึงครั้งหนึ่ง ส่วนซูมู่หลงนั้นจะจูบเธอฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนปิดแก้มของเธอเอาไว้
"หัวหน้า"
ซูมู่หรงหยุดแล้วกระแอมครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับแล้วจูงฉีเฟยอวิ๋นเดินไป
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับมาและยังคงคิดถึงแต่ยาเหล่านั้นอยู่ แต่เธอถูกจูงออกไปซะแล้ว
“พวกเราจะไปที่ไหน?” ฉีเฟยอวิ๋นพึ่งสังเกตว่าเธอยังสวมเสื้อคลุมสีขาวอยู่
"เดี๋ยวมีภารกิจอย่าไปไหนเรื่อยเปื่อย" ซูมู่หรงพาฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไปจากห้องทดลองไปรวมตัวกันข้างนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ