หนานกงเย่กลับไปรายงานสถานการณ์ในวัง และฉีเฟยอวิ๋นก็หยุดอยู่นอกวัง
นางไม่อยากเข้าไปในวัง เพราะจักรพรรดิอวี้ตี้ทรงเลือกเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ นางไม่สามารถควบคุมได้ และทำดีที่สุดแล้ว
ส่วนจักรพรรดิอวี้ตี้จะอยู่หรือตายนั้น เขาและฮองเฮาต้องตัดสินใจด้วยตนเอง
ตอนนี้นางเสียดายเลือดของตนเอง พวกเขาสองสามีภรรยาเจ็บปวด และนางก็ได้รับความทุกข์ยาก
คิดไปคิดมาแล้ว ไม่เข้าไปในวังจะดีกว่า
หลังจากที่หนานกงเย่เข้าไปรายงานสถานการณ์ในวังแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ตามหนานกงเย่กลับไปที่จวนอ๋องเย่และหยุดพักหนึ่งวัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นจะไปที่จวนเสนาบดี แต่เห็นเฉินอวิ๋นเจี๋ยไปที่เยี่ยมฮูหยินกั๋วจิ้วที่จวนกั๋วจิ้ว
เมื่อได้ยินมาว่าฉีเฟยอวิ๋นจะไปที่จวนกั๋วจิ้ว หนานกงเย่จึงสับเปลี่ยนเวลาให้นาง เดิมทีจะไปที่จวนกั๋วจิ้ว และจากนั้นก็จะไปที่จวนเสนาบดี แต่เขาต้องไปว่าราชกิจ ดังนั้นจึงสับเปลี่ยนเวลาเพื่อจะไปเป็นเพื่อนฉีเฟยอวิ๋น
หลังจากที่ฉีดยาให้ฮูหยินกั๋วจิ้วแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็รอให้น้ำเกลือหมด
เมื่อมู่เหมียนแต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกมาพบพวกเขา เดิมทีสีหน้าของหนานกงเย่สงบนิ่ง แต่เมื่อเห็นมู่เหมียนสีหน้าของเขาก็หนักอึ้ง
“ท่านพี่”
มู่เหมียนจงใจที่จะก่อกวน นางสวมชุดสีเหลืองอ่อน ปลายแขนกว้างและถือขลุ่ยหยกอยู่ในมือ
ท่าทางเช่นนั้นดูงดงามมาก
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนใจแคบ แน่นอนว่าเมื่อเห็นสิ่งที่งดงาม ย่อมต้องชายตามอง
หนานกงเย่ผลักถ้วยชา และน้ำชาก็หกลงบนโต๊ะ ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ
หนานกงเย่ลุกขึ้นยืน:“ไปกันเถอะ”
หลังจากที่พูดจบแล้วก็จากไป ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและอธิบายกับมู่เหมียนว่า:“เข็มนี้ เจ้าสมารถดึงมันออกมาได้เลย แต่อย่าทิ้ง ข้ายังต้องจะใช้มันอีก”
เครื่องมือแพทย์ที่นี่หายาก และสิ่งของต่าง ๆ ที่มีอยู่ต้องผ่านการฆ่าเชื้อก่อนนำไปใช้
มู่เหมียนหันกลับไปมองหนานกงเย่ และยื่นมือออกไปคว้ามือของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองด้วยความตกใจ
“มู่เหมียน……” หนานกงเย่พูดอย่างโกรธเคือง มู่เหมียนยิ้มและเงยหน้าขึ้น และเดินไปยั่วโมโหหนานกงเย่
หนานกงเย่ทุบโต๊ะด้วยความโกรธ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็จะพาฉีเฟยอวิ๋นจากไป ตรงกันข้ามฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หนานกงเย่อย่างเศร้าใจ:“ท่านอ๋อง พระองค์เป็นถึงขนาดนี้เลยหรือเพคะ?”
ความหึงหวงนี้ จะมีไปถึงเมื่อไหร่กัน?
“ฮึ!”
หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นจากไป และสั่งคนในจวนอ๋องเย่ว่าไม่ได้รับอนุญาตให้มู่เหมียนเข้ามาในจวน และไม่อนุญาตให้ฉีเฟยอวิ๋นไปที่จวนกั๋วจิ้ว
หมอโจวถูกเรียกตัวกลับมา หนานกงเย่ถามว่าหมอโจวว่าเรียนรู้วิธีการฉีดยาได้แล้วหรือไม่ สีหน้าของหมอโจวดูอึดอัดใจ และไม่รู้ว่าควรบอกความจริงดีหรือไม่
เขาเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่านางสงบนิ่ง เขาจึงตอบตามความจริง:“กราบทูลท่านอ๋อง ยังไม่ค่อยชำนาญพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็พอใช้ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าสับปลี่ยนกับพระชายาและไปฉีดยาให้ฮูหยินกั๋วจิ้ว ส่วนเรื่องของแม่ทัพน้อยเฉินยกให้เป็นหน้าที่ของพระชายา”
“หา!”
หมอโจวดูงุนงง เขาไม่รู้ว่าฮูหยินกั๋วจิ้วป่วยเป็นอะไร แล้วจะฉีดยาได้อย่างไร หากฉีดแล้วเกิดอะไรขึ้น ต่อให้เขามีร้อยหัวก็คงไม่พอจะชดใช้ นั่นคือฮูหยินกั๋วจิ้ว และเป็นน้องสะใภ้ของพระพันปี!
หมอโจวคุกเข่าลงในทันที::“ท่านอ๋อง บ่าวมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้าต้องการให้เจ้าไป และไม่ต้องพูดถึงอีก”
หนานกงเย่ได้ตัดสินใจไปแล้ว และไม่ง่ายที่จะโต้แย้ง
หมอโจวจำใจ ฉีเฟยอวิ๋นมองด้วยความสงสารและกล่าวว่า:“หมอโจว ท่านไม่ต้องกังวล อันที่จริงก็เหมือนกับที่ฉีดยาแม่ทัพน้อยเฉิน เพียงแค่ปฏิบัติตามสิ่งที่บอกท่าน ท่านเป็นหมอ และวันหน้ายังต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในสถาบันการแพทย์ หากแม้แต่ฉีดยายังไม่ได้ จะไม่เป็นที่ขบขันไปหน่อยหรือ?”
หมอโจวครุ่นคิดอยู่นานและพยักหน้า:“บ่าวรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ