องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 347

วัดฉือหนิงเป็นวัดของราชวงศ์ คนในราชวงศ์โดยส่วนมากจะมาที่แห่งนี้ ฉีเฟยอวิ๋นรวบรวมข้อมูลจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมองเห็นคนเหล่านั้น และไม่เว้นแม้แต่นางสนมของต้าเหลียง

และหนึ่งในนั้นก็มีฮองเฮาที่สถาปนาเมืองต้าเหลียง มาดูแลตนเองในวัยชรา ณ ที่แห่งนี้ด้วย

แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกเนรเทศมาที่นี่

พูดอย่างชัดเจนก็คือสถานที่แห่งนี้สามารถเป็นสถานที่ให้หญิงของต้าเหลียงสงบจิตใจได้

ฝ่าบาทเนรเทศฮองเฮามาที่นี่ บางทีอาจจะอยากให้ฮองเฮาสงบจิตใจ และยังต้องการที่จะปกป้องฮองเฮาด้วย

แต่เฉินอวิ๋นชูรู้หรือไม่ ต้องดูที่ตัวของนางแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามเข้าไป สมภารของวัดฉือหนิงได้พาคนออกมาต้อนรับ หนานกงเย่ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงการเคารพ จากนั้นกล่าวว่า “สวัสดีท่านสมภาร”

“ท่านอ๋องเย่ ไม่พบกันนาน สบายดีหรือไม่เพคะ”

สมภารของวัดเป็นแม่ชี เจ็ดสิบแปดสิบปีแล้ว แต่มองแววตาของนางแจ่มแจ้งเป็นอย่างมาก พูดอย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้เมื่อผ่านช่วงสิบปีแปดปีไปก็ไม่เป็นไร

หนานกงเย่กล่าวว่า”ข้าสบายดี”

“เชิญท่านอ๋องเย่เพคะ สองวันมานี้ฮองเฮาพักอยู่ทางเรือนด้านหลัง “ท่านสมภารเอียงตัวเอี้ยวเชื้อเชิญหนานกงเย่กับฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่จึงเดินไปทางเรือนหลัง

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามหนานกงเย่ไป ประตูเรือนเป็นประตูแปดเหลี่ยม และหน้าประตูมีองครักษ์เฝ้าอยู่ แต่ไม่เห็นมีขันที ด้านในมีนางกำนัลเดินวนเวียนอยู่ด้วย

องครักษ์เห็นหนานกงเย่เลยคุกเข่าลงหนึ่งข้าง กล่าวว่า”ถวายบังคมผู้รักษาราชการแทนพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

“ลุกขึ้นเถิด”

หนานกงเย่เข้าไปดูฮองเฮา เวลานี้เฉินอวิ๋นชูกำลังดูคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาอยู่

หนานกงเย่มาถึงหน้าประตู กล่าวขึ้นว่า “กระหม่อมถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปแล้วรู้สึกว่าเขาแสดงได้ดีเสียจริง

“เข้ามาเถิด”

เป็นเวลานานเสียงของเฉินอวิ๋นชูถึงดังขึ้น หนานกงเย่เลยเดินเข้าไปในห้องของเฉินอวิ๋นชู

พอเข้าไปฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองดู ภายในห้องสะอาดมาก ตรงจุดที่ประทะหน้าเป็นพระใหญ่ เฉินอวิ๋นชูนั่งอยู่ด้านล่าง ด้านบนมีกระถางธูปกับแผ่นกระดาษคัมภีร์ ในมือของนางกุมพู่กัน และกำลังเขียนคัมภีร์

หนานกงเย่กับฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปเฉินอวิ๋นชูก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ช่วงนี้นางสวมใส่ชุดเรียบหรูแต่ดูงาม ปล่อยผมสลวยสยายลง คล้ายดั่งแม่ชีที่ไม่สามารถแต่งงานออกเรือนได้

หนานกงเย่กล่าวว่า “กระหม่อมมารับฮองเฮากลับไปพ่ะย่ะค่ะ”

มือของเฉินอวิ๋นชูชะงักหยุดลง ครั้งนี้นางเงยหน้าขึ้นมอง

ฉีเฟยอวิ๋นถอนสายบัวกล่าวว่า “หม่อมฉันถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”

“มิต้องมากพิธี”เฉินอวิ๋นชูกล่าว พอคิดดูแล้วเลยกล่าวถามว่า”เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”

“แม่ทัพน้อยเฉินมิเป็นอะไรแล้ว เพียงแต่เมื่อวานฝ่าบาทคิดถึงฮองเฮา ไม่ยอมเสวยอาหารเลย กระหม่อมเกรงว่าจะมิเป็นผลดีต่อร่างกายฝ่าบาท เลยหวังว่าฮองเฮาจะสามารถกลับไปดูฝ่าบาทได้”

เฉินอวิ๋นชูวางพู่กันลง กล่าวว่า”ฝ่าบาทไม่เสวยอาหารหรือ?”

“ข้าวปลาอาหารน้ำไม่เสวยเลยพ่ะย่ะค่ะ”หนานกงเย่กล่าว

เฉินอวิ๋นชูนั่งไม่ติด ลุกขึ้นกล่าวว่า “ท่านอ๋องออกไปก่อน ข้าจะเตรียมตัวสักครู่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋นจึงหมุนตัวออกมาจากห้อง

พอมาถึงภายในเรือนฉีเฟยอวิ๋นเลยกล่าวถามเสียงเบาว่า “ฝ่าบาทไม่เสวยอาหารจริงหรือ?”

”ข้าแอบเห็นว่าฝ่าบาทมีจิตใจมุ่งมาดคิดถึงฮองเฮา แม้แต่เรื่องสัมพันธ์ระหว่างญาติยังไม่สนใจเลย พระองค์ยังมีเรื่องอันใดที่ทำไม่ได้อีกล่ะ?”

ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองห้องพักของเฉินอวิ๋นชูที่ประตูห้องได้ปิดลงแล้ว

เธอไม่เข้าใจ หากว่าฮองเฮากับฝ่าบาทมีจิตใจที่ตรงกันรักกันแน่วแน่ เช่นนี้ฉากสุดท้ายจะจบอย่างไร?

ไม่นานเฉินอวิ๋นชูจึงเดินออกมา นางสวมใส่เรียบร้อยแล้วและยังมีนางกำนัลจัดแจงชุดให้อีกครั้ง

หนานกงเย่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย จากนั้นหมุนตัวเดินไปทางด้านนอก

เดิมฉีเฟยอวิ๋นจะเดินตามไปด้วย แต่ทว่ากลับถูกเฉินอวิ๋นชูเรียกไว้”ช้าก่อนพระชายาเย่”

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับไป ถอนสายบัวและกล่าวว่า “ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ