ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงัน แต่พอนึกถึงปฏิกิริยาท่านพ่อของเธอช่วงสองวันมานี้ อาอวี่ที่ปกติตามเธอก็ไม่ตาม เลยเข้าใจทันที
หนานกงเย่เปิดม่านออก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงมาจากรถม้า
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ที่ลงมาจากรถม้า และเดินมาตรงหน้าเธอ
รอบเอวของฉีเฟยอวิ๋นแนบเข้ากับเอวหนานกงเย่ เงยหน้าขึ้นได้ยินหนานกงเย่กล่าวว่า“เมืองหลวงวุ่นวาย เกิดความคิดที่จะสังหารกันอยู่ทุกแห่งหน ข้าไปอย่างนี้ จะวางใจได้อย่างไรกันเล่า?”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะถามว่า “เช่นนั้นการจงใจออกจากเมืองหลวงก็คือการดักซุ่มโจมตีพวกเขาใช่หรือไม่เพคะ?”
“การใช้อวิ๋นอวิ๋นมาเป็นตัวล่อ เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความสามารถที่สุดของข้า แต่ข้าไม่มีทางเลือก จุดมุ่งหมายของพวกมันคืออวิ๋นอวิ๋น แทนที่จะรอพวกมันมา ไม่สู้กับข้าทำให้พวกมันมาดีกว่า”
ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือกอบกุมมือของหนานกงเย่ กล่าวว่า“ท่านอ๋องก็กลัวใช่หรือไม่?”
“การปรากฏตัวของข้า คือโอกาสที่ล่อแหลมมาก โอกาสนี้ หากมีความผิดพลาดก็คือตายตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าไม่ต้องการตาย”
หนานกงเย่กล่าวแล้วมองบริเวณโดยรอบ รถม้าเคลื่อนตัวออกไป ตรงหน้ามีคราบเลือดเกรอะกรัง บนพื้นนอนตายกันนับไม่ถ้วน คนสิบกว่าคนคุ้มกัน ทุกคนสวมเกราะเหล็ก และใบหน้าของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยเกราะเหล็กสีดำ ภายใต้การล้อมรอบของพวกเขา ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่เลยไม่เป็นอะไรเลยสักนิดหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นมองคนเหล่านั้นที่นอนตายเกลื่อนกราดอยู่บนพื้น ใจลอยอยู่สักพักหนึ่ง การสังหารอย่างทารุณมันดีกว่าการทำบ้านเมืองวุ่นวาย
ที่จริงเมืองต้าเหลียงขาดใครไปผู้หนึ่งก็มิเป็นไร สิ่งที่กลัวที่สุดคือขาดหนานกงเย่
เธอเงยหน้ามองหนานกงเย่โดยไม่พูดอะไร หนานกงเย่โอบกอดเอวของฉีเฟยอวิ๋น มืออีกข้างจับที่มือของเธอ จากนั้นก้าวเท้าย่ำเดินไปด้านหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปด้านหน้า ความประมาทเลินเล่อนี้มีเพียงเขาที่คู่ควรแล้ว
เวลานี้มีทหารกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากทางด้านหลัง พวกเขามีถังน้ำและไม้กวาด ยึดครอบครองทั้งสองด้าน ด้านหลังปรากฏรถบรรทุกน้ำจำนวนมาก
ฉีเฟยอวิ๋นมองรถบรรทุกน้ำเหล่านั้น คิดไม่ถึงว่าผู้ที่นำคนมาคือรองแม่ทัพเฉา
บนท้องฟ้ามีอีกาดำกลุ่มหนึ่งบินมา อีกาดำร้องกาๆๆๆ ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองอีกาดำเหล่านั้น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ท่านใช้เนื้อคนป้อนให้อีกาดำกินโดยเฉพาะ ท่านไม่เกรงว่าวันไหนเนื้อคนมีพิษ แล้วทำให้อีกาดำตายได้หรือ?
พวกหม่อมฉันเคยศึกษาหัวข้อหนึ่ง ร่างกายคนเป็นสิ่งที่สกปรกที่สุด กินเนื้อคนแล้วจะทำให้ป่วยได้”
“ข้าเคยได้ยินเพียงว่าคนกินอาหารป่าจะทำให้ป่วยง่าย ยังไม่เคยได้ยินว่าสัตว์ป่ากินคนแล้วจะทำให้ป่วยนะ”
“นั่นไม่แน่นอน ใครกินใครก็ล้วนไม่ดี หม่อมฉันจำได้ว่าทางฝั่งหม่อมฉันทางด้านนั้นเคยเกิดโรคระบาดเพราะว่ากินอาหารป่า สัตว์แพร่เชื้อแก่คนก่อน ต่อมาคนก็แพร่เชื้อถึงคนด้วยกัน องค์กรขนาดใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้ หมอและพยาบาลนับไม่ถ้วนต้องแข่งกับเวลา สุดท้ายแม้ว่าจะสำเร็จรับชัยชนะ แต่ไม่รู้ว่าคนที่ล้มตายมีเท่าไหร่
คนหวาดผวากลัว มันน่ากลัวเสียเหลือเกินเพคะ!”
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น และกล่าวว่า”นี่เป็นครั้งสุดท้าย ข้าสัญญาจะไม่ทำเช่นนี้อีก”
ฉีเฟยอวิ๋นเงียบขรึมลงทันที คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตอบตกลงสัญญาอย่างง่ายดายเยี่ยงนี้
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นกุมมือหนานกงเย่ คนผู้นี้ดีเกินไปก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี เธอกังวลใจมากหากมีโอกาสที่เธอได้กลับไป ตอนที่แยกจากเขา เขาจะกลายเป็นอย่างไรนะ
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอมักรู้สึกว่าระบบนี้ทำลายคนมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องมีสักวันหนึ่งที่เธอต้องแยกจากเขาแล้วกลับไป
แต่เป็นแบบนี้ล่ะก็ ตายก็ไม่กล้าพูดแล้ว
ระหว่างการเดินทางทั้งสองคนเดินตามทหารสวมชุดเกราะเหล็กจนมาถึงหน้าประตูจวนอ๋องตวน ฉีเฟยอวิ๋นชะงัก
“เป็นที่นี่ได้อย่างไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดแล้วไม่เข้าใจ
หนานกงเย่มองไปบนพื้น ทันใดนั้นมีจิ้งจอกหางสั้นวิ่งเพ่นพ่านออกมา ฉีเฟยอวิ๋นมอง ริมฝีปากไม่ได้กระตุกขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ