ฉีเฟยอวิ๋นสะบัดมือของหนานกงเย่ออกไป : “ช่วยคนสำคัญกว่า บางทีอาจจะช่วยเด็กไว้ได้”
หนานกงเหยี่ยนกำลังกุมมือของอวิ๋นหลัวฉวนไว้แน่น
ใบหน้าเหม่อลอย จ้องเขม็งไปทางอวิ๋นหลัวฉวนอย่างไม่ละสายตา
หนานกงเย่ปล่อยมือ ฉีเฟยอวิ๋นทำการเฉือนข้อมือของตนเอง บีบปากของอวิ๋นหลัวฉวนและป้อนเลือดสดให้นาง
สีหน้าของอวิ๋นหลัวฉวนค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำเรื่องอื่นต่อ
หนานกงเย่จ้องเขม็งไปทางข้อมือที่ไม่เป็นไรมากนักของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็เดินมานั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์ เฝ้ามองฉีเฟยอวิ๋นที่กำลังวุ่นอยู่กับการช่วยชีวิตคนตรงหน้า
อวิ๋นหลัวฉวนฟื้นตัวเร็วมาก ฉีเฟยอวิ๋นเฝ้ามองครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าอวิ๋นหลัวฉวนหลับไปแล้ว นางจึงได้นั่งลง
“รักษาเด็กไว้ไม่ได้ ตอนที่พวกเจ้ามาถึงเด็กก็ไม่อยู่แล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก เด็กผู้นี้ถือว่าเป็นเชือกคล้องใจของทั้งสองคน ไม่มีเชือกคล้องใจ ทั้งสองคนอาจจะต้องแยกทางกัน
หนานกงเหยี่ยนหัวเราะหึ ๆ ออกมา : “เหลวไหล ก็เห็น ๆ อยู่ว่ายังอยู่”
ฉีเฟยอวิ๋นผงะไปเล็กน้อย นางมองไปยังหนานกงเหยี่ยน พบว่าเวลานี้เขากำลังมองมือของอวิ๋นหลัวฉวน
“ท่านอ๋องตวน เด็กไม่อยู่แล้วจริง ๆ เพคะ”
“ข้าบอกว่าอยู่ ก็อยู่สิ”
หนานกงเหยี่ยนไม่อยากกล่าวมากความ ฉีเฟยอวิ๋นเองก็ไม่อยากพูดจาไร้สาระกับเขา ล้วนแต่ต้องให้เขาเผชิญด้วยตนเอง
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืน และเดินมาหาหนานกงเย่ พาหนานกงเย่ออกไปด้านนอก
“อาอวี่ ไปดูจวนอ๋องตวนหน่อยสิ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
อาอวี่หมุนตัวและเดินจากไป ไม่นานอาอวี่ก็กลับมา บอกกับฉีเฟยอวิ๋นว่าจวินฉูฉู่ตายแล้ว!
ฉีเฟยอวิ๋นผงะไปเล็กน้อย : “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
ตายแล้ว?
อาอวี่กล่าวว่า : “คนของท่านอ๋องตวนเป็นคนฆ่าพ่ะย่ะค่ะ ในจวนของท่านอ๋องตวนยังมีคนของตระกูลอวิ๋นอีกด้วย เมื่อครู่กระหม่อมกลับมาคนของตระกูลอวิ๋นก็มาถึงพอดี ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว คงอยากฆ่าคนมากทีเดียว”
“.....ไปทูลรายงานพ่อตา ให้สกัดกั้นให้จงได้”
หนานกงเย่หันกลับไปมองท่านอ๋องตวน ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมอง พลางเดินไปยังประตูของจวนท่านแม่ทัพ หากไม่ออกไปคงดูไม่ดีเป็นแน่
ฉีเฟยอวิ๋นเดินมายังประตู ซึ่งในจังหวะนั้นท่านแม่ทัพฉีก็ได้เดินออกมาจากในจวนด้วยความรีบร้อน
เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นท่านแม่ทัพก็เป็นห่วงไม่น้อย รีบเข้าไปประคองตัวของฉีเฟยอวิ๋น : “อวิ๋นอวิ๋น เจ้ารีบไปหลบไปก่อน ที่นี่อาจเกิดเรื่องไม่ดี รอพ่อจัดการเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าค่อยออกมานะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่เข้าใจ บิดาของนางจะเอาความสามารถอะไรไปขวางคนในตระกูลอวิ๋นได้?
ฮูหยินใหญ่กั๋วกงยืนอยู่หน้าประตู และกำลังจ้องเขม็งมาทางฉีเฟยอวิ๋นด้วยสายตาโกรธเคือง นางต้องการเข้าพบอวิ๋นหลัวฉวน ท่าทางดุดันราวกับเสือที่ต้องการเจอลูกเสือน้อยของนาง
ท่านแม่ทัพฉีปลอบโยนฉีเฟยอวิ๋นเสร็จ ก็หมุนตัวและเดินไปตรงหน้าของฮูหยินใหญ่กั๋วกงทันที จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคารวะ : “ขอคารวะฮูหยินใหญ่ ที่ฮูหยินใหญ่มาในวันนี้ไม่ทราบว่ามีเรื่องใดหรือ? ระดมผู้คนมามากมายเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะข้าไปล่วงเกินคนของตระกูลอวิ๋นเข้า?”
“ท่านแม่ทัพฉี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ออกไป” ฮูหยินใหญ่กั๋วกงโกรธเกรี้ยวจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ค่อยได้ ไม้เท้าหัวหงส์ในมือจึงได้ออกแรงกระแทกไปบนพื้น หากไม่ให้นางเข้าไป นางจะฟาดท่านแม่ทัพฉีไม่ยั้งเป็นแน่
ท่านแม่ทัพฉีเลิกคิ้วสูง : “ฮูหยินใหญ่ ดูท่านสิ เหตุใดท่านถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ อาจเพราะมีคนบอกท่าน ว่าจวิ้นจู่อยู่ด้านใน แต่หากตอนนี้ท่านเข้าไปนางอาจต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย ข้าได้ยินที่อวิ๋นอวิ๋นบอกแล้ว ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส จะให้เกิดเรื่องที่เหนือความคาดหมายไม่ได้เด็ดขาด ขืนท่านเข้าไปด้วยอารมณ์โกรธเคืองเช่นนี้ ท่านอ๋องตวนอาจต้องตายในเงื้อมมือของท่าน ที่จวิ้นจู่ตกมาอยู่ในสภาพนี้นั้นเพราะต้องการปกป้องท่านอ๋องตวน หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาอาจตายทั้งคู่ก็เป็นได้นะ?”
ฮูหยินใหญ่กั๋วกงถูกหลอกล่อได้สำเร็จ ท่านแม่ทัพฉีไม่ใช่คนที่จะพูดจามั่วซั่วไม่มีมูล ฮูหยินใหญ่กั๋วกงจึงไม่ใคร่สงสัย
ท่านแม่ทัพฉีกึ่งรับกึ่งสู้พยายามกล่าวต่อว่า : “ฮูหยินใหญ่ ไม่สู้เข้าไปรอ หากไม่เป็นไร ข้าจะพาตัวของท่านอ๋องตวนมาให้ท่านเอง ท่านจะพาเขาไปจัดการในที่ที่ไม่มีคนก็แล้วแต่ท่าน”
ฮูหยินใหญ่กั๋วกงเงียบลงฉับพลัน และมองไปทางท่านแม่ทัพฉีชั่วครู่ด้วยความไม่พอใจ : “ข้าแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องรบกวนท่านแม่ทัพฉีหรอกเจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังท่านแม่ทัพฉีที่หมุนตัวกลับเข้าไป
คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าท่านพ่อของนางจะเก่งกาจเพียงนี้ ในช่วงเวลาสำคัญคนที่ดูซื่อสัตย์ที่สุดกลับกลายเป็นคนที่หลอกลวงที่สุด
แต่ประโยคสุดท้ายที่ว่านำตัวไปจัดการในที่ที่ไม่มีใครนั้น ทำให้ฮูหยินใหญ่กั๋วกงเงียบลงเนิ่นนาน น่าจะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นหรอกกระมัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ