เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่นั่งลงแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงถามว่า "เสด็จอาใหญ่ ท่านคิดว่าใครน่าจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเพคะ?"
"หากข้ารู้ พวกเขาจะฆ่าท่านอ๋องเจ็ดทิ้งทั้งบ้านหรือ? จักรพรรดิทรงมีความเมตตา แต่พวกเขากลับไม่ เพื่อให้จักรพรรดิถูกคนรังเกียจ พวกเขาจึงเริ่มฆ่าคนของพวกเราเอง คิดหรือว่าพวกเขาจะเผยให้เห็นความลับอย่างนั้นหรือ?
จะพูดไปแล้ว หากยังใช้ประโยชน์ได้ พวกเขาก็จะยังใช้ประโยชน์ แต่หากไร้ประโยชน์แล้วพวกเขาก็จะฆ่าทิ้งไม่เหลือไว้
ไม่มีประโยชน์แล้วก็ฆ่าทิ้งไป
กำจัดทิ้งไปดีกว่าปล่อยให้ออกมาพูดข้างนอก
ท่านอ๋องเจ็ดไม่พูด แล้วลูกหลานของเขาล่ะ?
คนเราต่างกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมตายเพราะอาณาจักรของคนอื่นหรอก
ท่านอ๋องเจ็ดไม่เสียใจหรือ?
เพียงแต่ ผิดซ้ำผิดซ้อน เขาสูญเสียลูกชายไปสองคน เขาไม่เสียใจหรือ? ไม่เข้าใจหรือ?
การที่เขาจงรักภักดีนั้นไม่ใช่การจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ แต่เป็นการฆ่าคนอย่างไร้ความปรานี
เขาก็แค่ไม่มีวิธีปกป้องคนในจวนท่านอ๋องเจ็ดกระมัง?"
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจ "อวิ๋นอวิ๋น เจ้ากลับวังไปเถอะ นำศาสน์ของข้าไปส่งมอบให้ถึงมือของจักรพรรดิ พระองค์จะต้องเข้าใจ"
......
ถึงแม้ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ต้องการทำอะไร แต่ก็ได้เข้าวังไปพบจักรพรรดิในบ่ายวันนั้น
เมื่อจักรพรรดิอวี้ตี้เห็นศาสน์จากองค์หญิงใหญ่จึงพยักหน้า "กลับไปเถอะ ไปบอกองค์หญิงใหญ่ว่าข้ารู้สึกตื้นตัน แต่เรื่องนี้ข้าไม่สามารถให้นางออกหน้ารับแทนและถูกผู้อื่นรุมด่าได้หรอก"
"ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันดูศาสน์หน่อยได้หรือไม่เพคะ?" ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่ภายในพระที่นั่งบำรุงฤทัย เธอสงสัยอย่างมากว่าในศาสน์นั้นเขียนถึงอะไร
จักรพรรดิอวี้ตี้ส่งศาสน์ให้กับฉีเฟยอวิ๋น เมื่อฉีเฟยอวิ๋นอ่านจบก็นับว่าเข้าใจขึ้น
องค์หญิงใหญ่ต้องการยอมรับผิดทุกอย่างด้วยตัวเอง ให้นางถูกด่าว่ารังเกียจ เช่นนี้ก็สามารถปกป้องจักรพรรดิและราชวงศ์ไว้ได้
แต่จักรพรรดิอวี้ตี้ไม่คิดทำเช่นนั้น
"ฝ่าบาท เรื่องนี้หม่อมฉันก็จนปัญญาเพคะ ทุกคนต่างก็ถูกผูกคอตาย และเวลาก็ต่างกันภายในหนึ่งชั่วยาม ตอนนั้นในเวลากลางดึก ผู้คนต่างหลับสนิท ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ และเมื่อมาพบเข้าในตอนเช้าก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
หม่อมฉันคิดว่า ต่อให้คนที่ฆ่าคนมีความสามารถมาก ทำไมเขาถึงฆ่าคนในเวลาเดียวกันได้เยอะเช่นนี้
เช่นนั้นคำอธิบายเดียวก็คือการข่มขู่
มีคนใช้อะไรในการข่มขู่ท่านอ๋องเจ็ด
แต่ใช้อะไรในการข่มขู่คนทั้งตระกูลของท่านอ๋องเจ็ดได้?"
จักรพรรดิอวี้ตี้ไตร่ตรองอย่างละเอียดตามคำพูดของฉีเฟยอวิ๋น และเหลือบมองไปที่สวีกงกง สวีกงกงรีบสั่งให้คนอื่นถอยออกไปและปิดประตูลง
เมื่อคนอื่นออกไปแล้ว จักรพรรดิอวี้ตี้ยื่นมือให้กับฉีเฟยอวิ๋น "ตรวจดูให้ข้าหน่อย ข้าไม่เจอเจ้านานแล้ว"
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง นี่มันถึงตอนไหนแล้ว ยังมีอารมณ์มาพูดเรื่องเหล่านี้
เป็นจักรพรรดินั้น มักต่างจากคนอื่น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าขัดคำสั่งจึงจับข้อมือของจักรพรรดิไว้และทำการตรวจจับชีพจร
และค้นพบว่าพิษในร่างกายของพระองค์นั้นไม่มีแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือลง "พิษของฝ่าบาทได้ถอนออกหมดแล้วเพคะ"
"จริงหรือ?" จักรพรรดิอวี้ตี้ถามอย่างสงบ
"เรื่องของท่านอ๋องเจ็ดล่ะเพคะฝ่าบาท......"
"อวิ๋นอวิ๋น เรื่องนี้จะประมาทไม่ได้ ข้ารู้ไม่ว่าข้าจะพูดอะไร เจ้าก็จะคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดไม่ถูกเสมอไป
แต่คดีนี้เกิดขึ้นแล้ว ทางเดียวก็คือสอบสวนคดีนี้อย่างละเอียด เรื่องนี้หากท่านอ๋องเย่อยู่ ข้าก็จะไม่รู้สึกลำบากเช่นนี้ ก็คงโยนให้เขาไปจัดการ
แต่วันนี้ท่านอ๋องเย่ได้ส่งจดหมายนกพิราบให้ข้าแล้ว นี่คือศาสน์ของเขา"
จักรพรรดิอวี้ตี้ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรับมาและรีบเปิดดู
ลายมือเรียบร้อยชัดเจน และพูดถึงชื่อเพียงสองคน คือเสี่ยวกั๋วจิ้วหวังฮวายอัน และท่านแม่ทัพเฉินอวิ๋นเจี๋ย
คนอื่นไม่มีเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ