อันหลิงแปลกใจชั่วขณะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผืนแผ่นดินใหม่ เธอกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านพูดมาหน่อยว่าท่านแม่เป็นอย่างไร”
“มีสิ่งใดน่าพูดเล่า ไม่พูดแล้ว ผ่านไปแล้ว เจ้าดูแลตนเองดีๆนี่สิถึงเป็นเรื่องที่ต้องรีบร้อน ”ท่านแม่ทัพฉีปิดปากเงียบไม่กล่าว ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าท่านพ่อไม่พูด ต่อให้ทำอย่างไรก็ไม่พูดออกมาหรอก เธอก็เลยไม่ถามอะไรมากแล้ว
“ท่านพ่อ เช่นนั้นคนที่จวนอ๋องเจ็ดตายหมดแล้ว และยังตายที่ศาลพิเศษกลาง ตายอย่างไรกันหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามเรื่องจวนอ๋องเจ็ดขึ้น บนใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความหดหู่ใจ
“ตายกันอย่างมีเลศนัย พวกเขาล้วนแขวนคอตาย ขุนนางผู้ตรวจสอบพลิกศพ ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เชือกแขวนคอตนเองตาย?”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งแปลกใจมากขึ้น
“คนของจวนอ๋องเจ็ดตั้งกี่ร้อยชีวิต ล้วนแขวนคอตายหรือ?”
ท่านแม่ทัพฉีขมวดคิ้วมอง กล่าวว่า“พอพูดแล้ว คนร้อยกว่าชีวิตทั้งล้วนแซ่หนานกงหรือ?เดิมครอบครัวคนไม่มาก มีหกสิบเจ็ดสิบคน นอกจากนั้นเป็นคนฝ่ายล่างใต้บังคับบัญชา ผู้คนเหล่านั้นถูกแยกแตกกระจาย เข้าไปในศาลพิเศษกลางมิได้ มีเพียงครอบครัวของจวนอ๋องเจ็ดที่สามารถเข้าไปได้
ผู้คนเหล่านี้มีเด็กอายุสี่ห้าขวบจนถึงสิบเอ็ดสิบสองขวบจำนวนหนี่งด้วย คนเดียวไม่เก็บไว้ล้วนแขวนคอตายหมดแล้ว
เรื่องนี้ ชัดเจนว่ามีการให้ร้ายผู้อื่น หากเป็นฝ่าบาท ไม่คุ้มที่จะทำเรื่องยากลำบาก”
ฉีเฟยอวิ๋นเงียบอึมครึม ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ สรุปแล้วว่าต้องการจะทำสิ่งใด?
หรือว่าคนที่สังหารไม่สามารถออกไปสังหาร ตอนนี้ลงมือ พวกเขามีจุดมุ่งหมายอะไรกัน?
ฉีเฟยอวิ๋นมาถึงที่ศาลพิเศษกลางผู้รับเธอคือเว่ยหลินชวน
“ถวายบังคมพระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ”เว่ยหลินชวนถวายทำความเคารพก่อน
“จั่วจงเจิ้งมิต้องมากพิธีหรอก”
“เชิญพระชายาเย่ด้านในพ่ะย่ะค่ะ จงลิ่งกำลังรอพระชายาอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปแล้วมุ่งไปพบองค์หญิงใหญ่ และเวลานี้องค์หญิงใหญ่กำลังเหม่อลอยอยู่ด้านใน
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปแล้วถอนสายบัว กล่าวว่า“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จอาใหญ่เพคะ”
องค์หญิงใหญ่หมุนตัวเอี้ยวมองฉีเฟยอวิ๋น สีหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเศร้าเสียใจ พระองค์ทอดถอดหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นกล่าวว่า
“ลุกขึ้นเถิด”
องค์หญิงใหญ่ลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นรีบเข้าประคอง องค์หญิงใหญ่หัวเราะกล่าวว่า “ร่างกายของเจ้าเป็นเช่นนี้ยังมาประคองข้า ข้ามีโชควาสนามาก”
“แน่นอนว่าเสด็จอาใหญ่เป็นผู้มีโชควาสนาเพคะ”
“ไอ๋หยา!”
“เสด็จอาใหญ่ มีคนที่คิดถึงใช่หรือไม่เพคะ?”
“แม้ท่านอ๋องเจ็ดจะไม่ใช่ผู้ที่อายุน้อยที่สุด แต่ทว่าเขากลับไปคนที่ไม่เลวเลย เขาไม่ใช่คนชั่ว”องค์หญิงใหญ่พูดพร้อมกับเดินไป แล้วฉีเฟยอวิ๋นเป็นผู้ฟัง
“พวกเขานะ ตั้งแต่เล็กก็เล่นด้วยกัน ว่ากันตามความจริงปฐมกษัตริย์ก็ปฏิบัติกับพวกเขาได้ไม่เลวทีเดียว เพียงแค่เวลานั้นพวกเขาปกป้องผู้อื่น คิดว่าปฐมกษัตริย์ไม่ใช่องค์จักรพรรดิที่ดี ด้วยเหตุนี้จึงต้องการแทนที่ บวกกับไม่ใช่แม่ที่ให้กำเนิดคนเดียวกันทั้งหมด พวกเขาเลยมีข้ออ้าง
เสด็จพ่อก็ค่อนข้างรักพวกข้า พวกเขาอิจฉาริษยาขึ้นมาก็ไม่ได้สนใจทั้งหมดแล้ว
แต่ก็มิใช่ทุกคนที่เป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องเจ็ดเขาไม่ได้มีปณิธานอันยิ่งใหญ่ เป็นเพราะเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำได้เพียงมัดรวมเข้ากับพวกเขาแล้ว
น่าเสียดาย ข้าไรหนทางที่จะปกป้องพวกเขา”
องค์หญิงใหญ่น้ำตาหลั่งริน ฉีเฟยอวิ๋นรีบนำผ้าซับน้ำตาให้องค์หญิงใหญ่
องค์หญิงใหญ่มองฉีเฟยอวิ๋น และกล่าวถามว่า“เห็นข้าฐานะสูงศักดิ์ สอพลอข้าใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วเพคะ!”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความตลกขบขัน
องค์หญิงใหญ่กล่าวถามอีกว่า“ได้ยินมาว่าจิ้งจอกหางสั้นของเจ้านั้นไม่เลวเลยนี่ สติปัญญาเฉียบแหลม ข้าอยากให้นางดูแลเรือนได้หรือไม่?”
“อันนี้เกรงว่าจะมิได้เพคะ แต่หากว่าเสด็จอาใหญ่ชอบจริงๆ หม่อมฉันสามารถไปหามาได้ จิ้งจอกหางสั้นจะยินยอมอยู่ข้างกายเสด็จอาหรือไม่มิใช่หม่อมฉันที่จะพูดตัดสินได้เพคะ”
“เจ้านี่นะ พูดเก่งเสียจริง”
องค์หญิงใหญ่อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย กล่าวว่า “เช่นนั้นผ่านไปไม่กี่วันเจ้าเอามาหนึ่งตัวนะ”
“เพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวตอบตกลง และไปที่คุกเป็นเพื่อนองค์หญิงใหญ่
พอเข้าไปห้องเก็บศพฉีเฟยอวิ๋นพบศพหกสิบเจ็ดสิบศพนอนอยู่ที่พื้น บนร่างกายปกคลุมด้วยผ้าขาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ