องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 394

องค์หญิงใหญ่ดันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วมองเว่ยหลินชวนที่นั่งอยู่บนพื้น จากนั้นกล่าวถามว่า “พระชายาเย่กลั่นแกล้งเจ้าใช่หรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านนอกนั่นเรียกว่าไร้ความผิดต่างหาก เธอกลั่นแกล้งใครแล้วหรือ?

“จงลิ่ง สุขภาพร่างกายของพระองค์ไม่แข็งแรง ทำอย่างนี้ต่อไป ยากที่จะแก้ไข เกรงว่าป่วยหนักยากที่จะรักษา ตอนนี้กระหม่อมก็ใช้ชีวิตเพียงพอแล้ว จะอยู่เคียงข้างองค์หญิงใหญ่เองพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเว่ยหลินชวนจะมีมุมนี้

พอมองไปที่องค์หญิงใหญ่ แววตาของพระนางเดือดดาลเป็นอย่างมาก เป็นเวลานานได้ตะคอกขึ้นมาว่า”เจ้าคนสิ้นคิด ข้ายังไม่สิ้นพระชนม์ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเคียงข้างฝังศพหรอก ยังไม่รีบลุกขึ้นอีกหรือ?

“จงลิ่งไม่กินไม่ดื่ม เป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ มิสู้กับ.......”

“พูดจาเลอะเทอะ หากเจ้ายังกล่าวพูดจาเลอะเทอะ ข้าจะตีเฆี่ยนเจ้าจนย่อยยับเยิน ทหาร ลากเอาเขาออกไป หาคนเอาข้าวให้เขากิน จนแน่นเลยนะ”

“.....”

ศาลพิเศษกลางวุ่นวายโหวกเหวกขึ้นมาทันที เล่ากันว่าองค์หญิงใหญ่เป็นโรคที่รักษายาก โรคบ้ากำเริบแล้ว เลยมัดจั่วจงเจิ้งไว้ตรงเสาแล้วบังคับเขากินข้าว พูดอะไรนะว่าต้องการให้คนกินจนแน่น

ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นไปรู้สึกเพียงว่ามีเว่ยหลินชวนอยู่ องค์หญิงใหญ่จะไม่เป็นไรเป็นการชั่วคราว

คนจงรักภักดีจะมีสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่า เว่ยหลินชวนก็คือสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ขององค์หญิงใหญ่ที่มีเขาอยู่เคียงข้าง

กลับออกมาจากศาลพิเศษกลางฉีเฟยอวิ๋นก็กลับจวนอ๋องเย่ แต่อาหารเย็นนั้นเธอไม่แตะมันเลย

หนานกงเย่ออกมาจากพระราชวัง ได้เห็นฉีเฟยอวิ๋นมองยอดใบไม้ด้วยความเศร้าใจอยู่

พอเข้ามาในเรือนหนานกงเย่นั่งลงแล้วถามว่า “ไม่รู้ว่าพระชายามีเรื่องมีราวอันใดในใจหรือ มองแล้วดูไร้ความสุข?”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าหนานกงเย่จะต้องถาม เธอก็มิได้ปิดบังอะไร เลยกล่าวว่า”เสด็จอาใหญ่ประชวร อีกทั้งเป็นโรคที่ยากจะรักษา ด้วยเรื่องนี้หม่อมฉันเลยเบื่อหน่ายเศร้าใจเพคะ”

“เสด็จอาใหญ่ป่วยหรือ?”หนานกงเย่กล่าวและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

เธอรู้ว่าหนานกงเย่ใส่ใจเรื่องของเสด็จอาใหญ่ผู้นี้ เธอเลยพยายามคิดหาวิธีอธิบายเรื่องโรคอาการขององค์หญิงใหญ่ให้หนานกงเย่ได้เข้าใจ

“พูดเช่นนี้เป็นโรคทางใจหรือ?”หนานกงเย่ค่อยๆสงบลง แต่ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของโรคนี้

โรคที่อวิ๋นอวิ๋นไม่สามารถรักษาได้ ตามที่หนานกงเย่ดู นั่นล้วนเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายได้เลย

ฉีเฟยอวิ๋นทอดถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย กล่าวว่า”โรคนี้เป็นโรคทางจิตใจ แต่ทว่ากลับเป็นโรคที่มาจากมันสมองใหญ่ เวลาทำสิ่งใดออกมาจะไม่เหมือนกับคนปกติ มันก็เหมือนกับคนที่ผิดปกติทางสมองเลยเพคะ

และโรคนี้ พูดง่ายๆคือสมองผิดปกตินั่นแหละเพคะ

โรคทางจิตใจไม่ผิด บ่อเกิดมันมาจากสมอง”

“อวิ๋นอวิ๋นรู้มากเช่นนั้น เหตุใดถึงรักษาไม่ได้เล่า?”

“โรคซึมเศร้าห่อเหี่ยวใจนั้นพยาธิสภาพของโรคซับซ้อน ทางการแพทย์ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง แต่หลักๆคืออารมณ์ทำให้เกิดด้วยเพคะ อาการของโรคมากมายมีภาวะทางอารมณ์เป็นองค์ประกอบ ส่วนเกี่ยวเนื่องมีพันธุ์กรรม ระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ การเกิดขึ้นมาใหม่.....

และยังมีสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิต การเจริญเติบโต

ทั้งหมดล้วนมีความสัมพันธ์กันเพคะ

แต่โรคของเสด็จอาใหญ่นี้ เป็นเพราะการตายทั้งครอบครัวของท่านอ๋องเจ็ด จิตใจของพระนางมีความละอายห่อเหี่ยว คิดมากจนกังวลทำให้เกิดโรคนี้

เสด็จอาใหญ่เบื่อหน่าย เพราะฉะนั้นเลยเป็นเช่นนี้เพคะ

นี่เพิ่งเป็นการเริ่มต้น เสด็จอาใหญ่ไม่กินไม่ดื่มเป็นเวลานาน ท้อท้อหมดกำลังใจ และยังนอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพออีก ก็จะเกิดเรื่องไม่ดีต่อพระนาง

แต่วันนี้หม่อมฉันได้พูดคุยเรื่องนี้กับจั่วจงเจิ้งแล้ว เขาตื่นตระหนกอย่างมาก รีบวิ่งกลับไปไม่กินไม่ดื่มเป็นเพื่อนเสด็จอาใหญ่ เสด็จอาใหญ่โมโหเป็นอย่างมาก ได้ลุกขึ้นจัดการกับเขาเสียแล้ว

นี่เป็นเรื่องดี ในใจของเสด็จอาใหญ่ยังมีคนที่ไม่สามารถตัดใจได้

แต่ตอนนี้เกิดปัญหาที่สมองของพระนาง การทำเพียงอย่างเดียวเช่นนี้ยังไม่เพียงพอ ทางที่ดีต้องมีการใช้ยาร่วมด้วย แต่ตอนนี้หม่อมฉันไม่มีเลยเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นพูดกล่าวถึงจุดสำคัญเรื่องนี้ หลักๆเลยคือเธอไม่มียาที่จะนำมารักษาโรคของเสด็จอาใหญ่

หนานกงเย่สายตาอึมครึมกล่าวว่า “อวิ๋นอวิ๋น เจ้าต้องการบอกสิ่งใดแก่ข้าหรือ?”

“........”ฉีเฟยอวิ๋นทอดถอนหายใจออกมา เป็นอย่างที่คิดคนที่ฉลาดเยี่ยงเขา แวบเดียวก็สามารถอ่านความหมายของเธอออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ