ฉีเฟยอวิ๋นปรายตามองไปทางอวิ๋นจิ่นที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ชุดยาวสีแดงเข้มนั้นช่างงดงามยิ่งนัก
นางไม่อยากแต่งงาน แต่กลับใส่ชุดแต่งงานฆ่าตัวตาย อยากให้ใครใส่ต่อหรืออย่างไร?
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวกับนาง : “ลุกขึ้นเถอะ บนพื้นมันเย็น เจ้าเพิ่งฟื้นตัว”
อวิ๋นจิ่นลังเลอยู่เล็กน้อย : “ข้าไม่อยากแต่งงานกับเว่ยหลินชวน ข้ามีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้ว แต่ข้าพูดไม่ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นพึมพำกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง : “อวิ๋นจิ่น ข้าแค่อยากถามเจ้า”
“นายท่านเชิญถามได้เจ้าค่ะ”
“คนที่เจ้าชอบ คือท่านอ๋องใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”
อวิ๋นจิ่นหน้าแดงระเรื่อ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นอวิ๋นจิ่นไม่ได้กำลังโกหกนาง จึงไม่ได้สร้างความลำบากใจให้กับอวิ๋นจิ่น
“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ใช่ท่านอ๋องก็ดีไป” อวิ๋นจิ่นจึงได้ลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นชี้ไปบนโต๊ะ : “กินข้าวเถอะ”
อวิ๋นจิ่นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พับชุดแต่งงานที่เคยอยู่บนตัวไว้เรียบร้อย ก่อนจะกลับมานั่งกินข้าวพร้อมกับฉีเฟยอวิ๋นและมู่เหมียน
“กินเยอะๆนะ ต่อไปหากมีเรื่องก็อย่าได้คิดจะตายอีก การตายมันแก้ไขปัญหาใด ๆ ไม่ได้ มีชีวิตอยู่ต่อสิถึงจะแก้ไขปัญหาที่เจออยู่ได้ เข้าใจหรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นกินข้าวพลางวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดให้แก่อวิ๋นจิ่น หลังจากกินข้าวเสร็จก็ให้อวิ๋นจิ่นไปจัดการเรื่องของนาง แต่ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะมีเรื่องจึงให้มู่เหมียนตามไปด้วย ส่วนฉีเฟยอวิ๋นก็เดินออกจากจวนอ๋องเย่เพื่อตรงไปหาองค์หญิงใหญ่
ตั้งใจว่าจะพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง และไปฉีดยาให้กับองค์หญิงใหญ่ด้วย
วันนี้องค์หญิงใหญ่กำลังนับของขวัญแต่งงานที่จะใช้สู่ขออวิ๋นจิ่นอยู่พอดี
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปก็เห็นกล่องขนาดใหญ่มากมายวางอยู่บนพื้น และมีนักคำนวณหลายสิบคนกำลังคำนวณด้วยลูกคิด รีบคำนวณว่าของขวัญแต่งงานนั้นมีจำนวนเท่าไหร่
ฉีเฟยอวิ๋นเดินมาตรงหน้ากล่องเหล่านั้นและมองมันแวบหนึ่ง ในนั้นมีกล่องเครื่องประดับเงินทองมากมาย ส่วนด้านบนก็มีสร้อยข้อมือหินโมราที่สลักตัวอักษรหกเส้น
กล่องถัดไปเป็นหินตาแมวจำนวนหกสิบชิ้นหนึ่งกล่อง ส่วนของชิ้นอื่นก็เป็นพวกอัญมณีหลากหลายชนิด
ในกล่องใบอื่นก็ล้วนแต่เป็นสิ่งของ ฉีเฟยอวิ๋นเดินอ้อมเข้าไปหาองค์หญิงใหญ่ เว่ยหลินชวนยืนก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ ตรงหน้าประตู
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดครุ่นคิดครู่หนึ่ง นึกถึงคำพูดในวันนั้นขออวิ๋นหลัวฉวน เพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ จึงทำได้แค่ต้องลอง
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปใกล้และถามว่า : “ใต้เท้าจั่วจงเจิ้ง ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนของข้าบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
เว่ยหลินชวนพยักหน้า : “เมื่อเช้าท่านอ๋องเย่มาแจ้งข่าวกับกระหม่อมแล้ว”
“เช่นนั้นใต้เท้าคิดเช่นไร?”
เว่ยหลินชวนกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น : “กระหม่อมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าแม่นางอวิ๋นจิ่นจะไม่เห็นด้วย และเป็นทุกข์อยู่เนิ่นนาน หากรู้ว่าแม่นางอวิ๋นจิ่นไม่เห็นด้วย กระหม่อมก็คงจะปฏิเสธไปนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ
แต่ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้แล้ว หากจงลิ่งไม่ตอบตกลง เกรงว่าอาจจะทำร้ายนางถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้”
“ไม่เสมอไปหรอกเจ้าค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเว่ยหลินชวน แม้ว่าการทำเช่นนี้จะดูมากเกินไป แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หมดหนทางไปต่อจึงได้คิดแผนการเช่นนี้ออกมา
เว่ยหลินชวนเอ่ยถาม : “พระชายาเย่มีหนทางหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“แน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่”
“พระชายาเย่เชิญกล่าวมาได้เลย ขอแต่ช่วยแม่นางอวิ๋นจิ่นได้ กระหม่อมยินดีร่วมมือทุกอย่าง”
“อื้อ ใต้เท้าเชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปด้านข้างหนึ่งก้าว เว่ยหลินชวนจึงเดินตามไป
“ข้าไม่ขอปิดบังใต้เท้าจั่วจงเจิ้งนะเจ้าคะ จริง ๆ ก็มีวิธีการหนึ่ง ที่จะทำให้อวิ๋นจิ่นไม่เป็นอะไร เพียงแต่อาจจะสร้างความไม่เป็นธรรมให้แก่ใต้เท้าจั่วจงเจิ้งสักนิด”
“พระชายาเย่เชิญกล่าว”
ฉีเฟยอวิ๋นลังเลครู่หนึ่ง : “จวนอวิ๋นกั๋วกงมีคุณหนูสี่อีกคนหนึ่ง อวิ๋นหลัวฉาย นางมีอายุมากกว่าข้าหนึ่งปี ตระกูลอวิ๋นในอดีตเคยมีการหมั้นหมายไว้ แต่องค์หญิงใหญ่ปฏิเสธ พระชายาตวนจึงมาขอร้องให้ข้าช่วยจัดการเรื่องการหมั้นหมาย แต่ไม่เคยมาเข้าเฝ้า จะให้เอ่ยก็กระไรอยู่
หากใต้เท้าจั่วจงเจิ้งยอมละก็ ข้าจะช่วยดูให้ใต้เท้าเอง”
เว่ยหลินชวนเข้าใจในที่สุด จึงไม่ลังเลอีก เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า : “ก็ดี เช่นนั้นต้องขอรบกวนพระชายาเย่ด้วยขอรับ”
“ไม่เป็นไร ข้าเองก็อยากทำเพื่ออวิ๋นจิ่น จึงไม่อยากปิดบัง อวิ๋นจิ่นมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะใต้เท้าจั่วจงเจิ้งไม่ดีหรอกนะเจ้าคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมักจะหาทางหนีทีไล่ให้แก่ผู้อื่นเสมอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ