ฉีเฟยอวิ๋นถูกใครบ้างปลุกให้ตื่น นางตกใจจนต้องตาลีตาเหลือกลุกพรวดขึ้นมา หงเถาร่ำไห้อย่างหนักหน่วงอยู่หน้าประตู ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้ารอช้าแต่อย่างใด
ลงจากเตียงและเดินตรงไปยังหน้าประตูทันที หนานกงเย่รีบหยิบเสื้อคลุมตัวนอก มาคลุมตัวให้ฉีเฟยอวิ๋น
“อย่าให้ตัวเย็นเดี๋ยวจะเป็นหวัด ค่อย ๆ เดินด้วย”
หนานกงเย่กวาดตามองไปยังในลานกว้าง
หงเถาร่ำไห้พลางกล่าวว่า : “พระชายา แม่นางอวิ๋นจิ่นเกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าก็รีบตามไปละ” ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไปด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ท้องของนางใหญ่มากแล้ว หลายวันมานี้ก็ตัวพองจนเหมือนที่เป่าลมอยู่แล้ว
หนานกงเย่โน้มตัวลงไปอุ้มนางขึ้นมา และตรงไปยังเรือนจู๋อวิ๋นไจ
เมื่อมาถึงด้านในก็เห็นมู่เหมียนกำลังกุมข้อมือของอวิ๋นจิ่น สีหน้าร้อนใจได้เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลง
ตอนนี้หนานกงเย่ไม่มีเวลาจะไปสนใจมู่เหมียนที่อยู่ในลานหลังจวนอ๋องเย่ยามดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ เมื่อเข้าไปก็วางฉีเฟยอวิ๋นลงเพื่อให้นางไปตรวจอาการของอวิ๋นจิ่น
อวิ๋นจิ่นแต่งกายด้วยชุดยาวสีแดง นั้นคือเครื่องยศสตรีสีแดงเข็มในพิธีแต่งงาน
ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีสันอ่อนบาง มือทั้งสองข้างวางด้านหน้า ราวกับกำลังหลับใหลอย่างไรอย่างนั้น
มู่เหมียนร้องไห้ด้วยความร้อนใจ : “เร็วสิ! เจ้าจะมัวยืนมองให้มันได้อะไร รีบตรวจอาการให้นางสิ”
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปตรวจอาการด้วยความร้อนใจ พบว่าอีกฝ่ายโดนวางยาพิษ
ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบหยิบยาลูกกลอนแก้พิษเม็ดหนึ่งยัดใส่ปากของอวิ๋นจิ่นทันที
ลมหายใจของอวิ๋นจิ่นค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและออกคำสั่งว่า : “ยกตัวนางเข้าไป”
อวิ๋นจิ่นถูกยกเข้าไปในห้อง ฉีเฟยอวิ๋นกันผู้อื่น และเดินตามอวิ๋นจิ่นเข้าไปในห้อง
เวลานี้มู่เหมียนเพิ่งจะสงบสติลง
หนานกงเย่ประคองฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง จากนั้นก็มองไปทางมู่เหมียนอย่างไม่สบอารมณ์นัก ตราบใดที่มู่เหมียนยังไม่แต่งงานออกเรือน เขาก็ยังไม่มีทางวางใจ
หนานกงเย่ร้อนใจแทนมู่เหมียน เหตุใดเว่ยหลินชวนถึงยังไม่ชมชอบนาง
มู่เหมียนไม่มีเวลามาสนใจหนานกงเย่แล้ว กลับดื่มน้ำด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า : “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากลับมา ข้าจึงออกมาเดินเล่น เมื่อเห็นพวกเจ้าเข้าห้องพักผ่อนแล้วเลยไม่อยากรบกวน ข้าจึงไปหาอวิ๋นจิ่น คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เข้ามาจะเห็นนางนอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเช่นนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วแน่น : “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ที่ไม่ปฏิเสธองค์หญิงใหญ่ เห็นอวิ๋นจิ่นอ่อนโยนเพียงนี้ แต่นิสัยของนางห้าวหาญมาก ไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ตนเองไม่ได้ชอบ”
“แต่งงาน?” มู่เหมียนแปลกใจ : “แต่งงานกับผู้ใด?”
“เว่ยหลินชวน องค์หญิงใหญ่สนใจอวิ๋นจิ่น คิดอยากให้อวิ๋นจิ่นแต่งงานกับเว่ยหลินชวน แต่อวิ๋นจิ่นไม่ยอม”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางอวิ๋นจิ่นด้วยสายตาเป็นห่วง แม้ว่าจะขจัดพิษได้แล้วแต่นางก็ยังไม่ฟื้นทันที ดูท่าคงจะตั้งใจไว้แล้ว จึงเลือกที่จะดื่มเหล้าพร้อมยาพิษ คงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
แต่มู่เหมียนมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นนางคงจะไม่มีลมหายใจแล้วจริง ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางมู่เหมียน ซึ่งเวลานี้มู่เหมียนกำลังแสดงสีหน้าประหลาดใจ ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“เจ้าเป็นอะไรไป?” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถาม
มู่เหมียนเงยหน้า : “ตอนที่มาถึงข้าเจอเข้ากับท่านแม่ทัพฉีด้วย เลยคิดว่าท่านแม่ทัพฉีอาจจะพูดบางอย่าง”
“ท่านพ่อของข้า?” ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ หมุนตัวกลับไปมองหนานกงเย่
“ท่านพ่ออยู่ในจวนด้วยเช่นนั้นหรือ?”
หนานกงเย่เองก็แสดงสีหน้างุนงง : “ไม่รู้สิ”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังประตู เวลานี้อาอวี่ยืนอยู่หน้าประตู นางจึงสั่งให้อาอวี่ไปตรวจดูว่าอีกฝ่ายอยู่ในจวนจริงหรือไม่
อาอวี่กลับมาอย่างรวดเร็ว และรายงานว่าไม่เจอท่านแม่ทัพฉี
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางมู่เหมียน : “แน่ใจนะ?”
“แล้วข้าจะโกหกให้ได้อะไรเล่า เห็นก็บอกว่าเห็น ตอนที่ข้ามาถึงแม่ทัพฉีเพิ่งจะออกไป เดิมทีพวกเราต้องเดินสวนกัน แต่ข้าเห็นเขาสีหน้าดูเป็นกังวลมาก ข้าจึงหลบเลี่ยง
รอให้ท่านแม่ทัพฉีเดินจากไป ข้าถึงจะเข้าไปหาอวิ๋นจิ่น”
ฉีเฟยอวิ๋นกลับแปลกใจ : “เหตุใดท่านพ่อถึงเดินออกมาจากห้องของอวิ๋นจิ่น?”
ตอนที่เอ่ยนั้นฉีเฟยอวิ๋นได้มองไปทางหนานกงเย่ ซึ่งหนานกงเย่ก็ได้กล่าวด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า : “มองข้าด้วยเหตุใด? ข้าไม่ใช่เทพเซียนนะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นหันหน้าไป : “อาอวี่ จงไปจวนท่านแม่ทัพ ไปรับท่านพ่อของข้ามาเดี๋ยวนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ