องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 435

หลังจากที่จวินอีเซี่ยวตายได้หาสถานที่กลบฝังศพเรียบร้อยแล้ว จวินเจิ้งตงเสียใจอยู่ไม่กี่วัน ไม่กี่วันหลังจากนั้นได้มอบตราประทับโดยสมัครใจ และยินยอมกลับเมืองหลวงพร้อมกับบุตรสาวจวินเซียวเซียวด้วย

หนานกงเย่มอบตราประทับแก่เฉินอวิ๋นเจี๋ยเป็นการชั่วคราว เขาทำหน้าที่แทนท่านแม่ทัพใหญ่ปกป้องชายแดน และจวินอีไท่กับจวินอีเต๋อเป็นรองแม่ทัพ

ท่านแม่ทัพฉีได้ให้นายทหารข้างกายสองคนอยู่ช่วยเหลือปกครองเฉินอวิ๋นเจี๋ย จากนั้นได้นำกองกำลังทหารกรีธาทัพกลับราชสำนัก ส่วนอวิ๋นจิ่นและคนอื่นๆตามกันมา

มู่เหมียนตัดสินใจอยู่ช่วยเฉินอวิ๋นเจี๋ย เรื่องนี้หนานกงเย่เลยรีบตอบรับ

ฉีเฟยอวิ๋นมองสายตาของเขาที่เปลี่ยนไป

ที่เห็นได้ชัดคือการได้รับประโยชน์จากส่วนรวมเบียดบังไปเป็นของตนเองนั่นเอง

ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย ฉีเฟยอวิ๋นกับมู่เหมียนไม่ต้องกล่าว

“ท่านตัดสินใจแล้วใช่หรือไม่ว่าต้องการที่จะอยู่ช่วยเหลือท่านแม่ทัพเฉิน?”สำหรับการเตรียมการของหนานกงเย่ตั้งแต่ต้นจนจบฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่ามีเหตุผล

แต่เรื่องที่เอามู่เหมียนไว้นั้น ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่กล้าเห็นพ้องตาม

“ข้าคุ้นชินกับการอยู่ด้านนอกแล้ว ท่านพ่อของข้าส่งข้าออกไปก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว อยู่ในเมืองหลวงในอนาคตก็มิรู้ว่าจะแต่งกับผู้ใดเพื่อเป็นพระชายารอง ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ยินยอมที่จะเป็นเช่นนั้น

ต่อให้เฉินอวิ๋นเจี๋ยไม่ดีอย่างไร ข้าก็รู้สึกว่าเขาดีกว่าผู้อื่น เขามีความอ่อนโยนของตัวเอง ในใจของเขามีท่านข้ารู้ แต่ใจของท่านไม่มีเขาข้าก็รู้

ในเมื่อพวกท่านไม่มีหนทางที่จะคบหากัน ข้าก็ไม่ได้สนใจที่ใจของเขามีท่าน นี่ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลย

อยู่สถานที่แห่งนี้ เป็นเวลานานมีเพียงข้าผู้เดียว หากเขาสามารถชอบหญิงสาวที่เมืองหลวงข้าก็คือโชคชะตาไม่ดี ไม่มีพรหมลิขิตต่อเขา

แต่หากเขามีความชอบเล็กน้อย ข้าก็นับว่าไม่ได้มาสูญเปล่า

หลังจากที่พวกท่านกลับไปแล้วช่วยนำจดหมายฉบับนี้มอบแก่อาหญิง นางรักทะนุถนอมข้าที่สุด นางจะต้องช่วยเหลือข้าแน่

ฉีเฟยอวิ๋นรับจดหมายมา ไม่ได้พูดอะไรมาก ในเมื่อมู่เหมียนตัดสินใจแล้ว เธอก็ไม่อยากออยู่ต่อแล้ว เลยลุกขึ้นเดินออกไปกับหนานกงเย่

ก่อนจากเฉินอวิ๋นเจี๋ยชำเลืองมองฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไป มู่เหมียนก็ไม่ได้ทำท่าทางอาลัยอาวรณ์อะไร นางจึงเดินตามเฉินอวิ๋นเจี๋ยกลับไปเช่นกัน

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเก้อเขินชั่วขณะ นิสัยอารมณ์ของทั้งสองคนนี้ช่างเหมือนกันเสียกะไรนี่

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวมองไปทางหนานกงเย่ แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง คืนวันนั้นเฉินอวิ๋นเจี๋ยมาหาท่านอ๋อง เขามาทำอันใดหรือเพคะ?”

“เขากินหนอนพิษกู่”หนานกงเย่กล่าวอย่างไม่ปิดบัง

“พูดเช่นนี้ หนอนพิษกู่ที่อวิ๋นจิ่นให่ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเอาให้เขาหรือเพคะ?”

“เขาอยากได้เอง ข้ามีความลังเลใจว่าเขาจะอยู่ปกป้องชายแดนใช่หรือไม่ แต่เขาบอกต้องการหนอนพิษกู่ที่อวิ๋นจิ่นทิ้งไว้ วิงวอนให้ข้าวางใจ แต่มีอะไรที่เขาไม่รู้ ข้าไม่อยากให้เขาอยู่ไม่ใช่กังวลว่าเขาจะต่อต้าน มันเป็นเพราะความสามารถของเขาไม่เพียงพอ ”

“แต่ท่านอ๋องได้นำหนอนพิษกู่มอบแก่เขาแล้ว”

“แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ข้าเพียงแค่ทดสอบหยั่งเชิง ส่วนหนอนพิษกู่นั่น เป็นหนอนตาย อวิ๋นจิ่นบอกว่ากินไปแล้วสามวันจะขับออกมานอกร่างกาย”

“...............”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความขำขันว่า “ท่านอ๋องซื่อสัตย์จริงใจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ?”

“อวิ๋นอวิ๋น ข้าไม่อยากใช้แผนการเหล่านี้ไปหว่านซื้อดึงใจคนมาเป็นพวกพ้อง เฉินอวิ๋นเจี๋ยเกิดความผิดหวังกับฮองเฮา อยากมาที่ชายแดนไม่ใช่วันสองวัน หนังสือที่เขากล่าวกราบทูลรายงานถูกเสนาบดีกลาโหมกดไว้ ข้าไม่ใช่ไม่รู้”

“เช่นนี้ ครั้งนี้ที่พาเขามานั่นก็คือท่านอ๋องคิดไว้ดีแล้วใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่ ข้าต้องการให้เขาไปเป็นรองแม่ทัพที่อยู่ทางด้านของเฉินอวิ๋นเลี่ยท่านพี่ของเขานู่น ผ่านช่วงปีเหล่านี้ค่อยให้เขารับช่วงแทนเฉินอวิ๋นเลี่ย แล้วให้เฉินอวิ๋นเลี่ยกลับมา”

“ท่านอ๋อง ท่านเกรงว่าพวกเขาคนของสกุลเฉินจะมีทหารใช้เยอะใช่หรือไม่เพคะ?”

“วันนี้เฉินอวิ๋นชูเป็นฮองเฮาเพียงร่างกาย อีกทั้งฝ่าบาทมีจิตใจใฝ่หา ข้าจำใจอย่างยิ่งที่จะไม่เค้นความจริงกับนาง!แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของจงชิน แม้ข้าจะไม่รู้ชัดเจนว่าเพราะเหตุใด แต่ถึงอย่างไรก็คือเรื่องที่วุ่นวาย

หากนางกับจงชินทำสักเรื่องหนึ่ง กองกำลังทหารของสกุลเฉินที่อยู่ชายแดนบวกกันแล้วห้าแสนนาย ข้าจะไม่กังวลใจได้อย่างไร?”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า “เฉินอวิ๋นชูเป็นผู้หญิงของฝ่าบาท ท่านเค้นความจริงจับนางอย่างไรก็เหมือนกับกินลูกกวาดนะ!”

“ข้ายากลำบากมาก ไม่เช่นนั้นเค้นไปนานแล้ว”

“ท่านยังมีเหตุผลอีกนะ!”

“ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็คือฝ่าบาท ข้าคือขุนนาง จักรพรรดิกับขุนนางเสนาบดีมีความแตกต่าง อวิ๋นอวิ๋นไม่ต้องบอกข้าหรอก ข้าก็รู้เข้าใจแจ่มแจ้งดี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าไม่มีทางให้คนชั่วก่อเหตุได้ คนข้างกายไม่พูดนั่นเพราะเป็นฝ่าบาท ผู้ใดจะพูดจะทำล่ะ พวกเขาล้วนเป็นเสนาบดี หากว่าข้าจะพูดเป็นเพราะฝ่าบาทผู้นี้คือเสด็จพี่ของข้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ