หนานกงเย่เหลือบมองจวินโม่ซ่างนิดหนึ่ง “ข่าวลือเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อถือ เรื่องแค่นี้องค์รัชทายาทแห่งอู๋โยวก็ยังไม่เข้าใจงั้นหรือ”
สีหน้าของจวินโม่ซ่างยิ่งมึนตึงขึ้นกว่าเดิม “แต่คนที่มีความสามารถอย่างพระชายา ข้ามองไม่เห็นจริงๆ ว่าจะมีข้อดีตรงไหน”
ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงตอนที่นางถีบจวินโม่ซ่างอย่างแรงขึ้นมาอย่างอึดอัด นางทำให้เขาไม่พอใจงั้นหรือ
หนานกงเย่ยิ้ม “ข้อดีนั้นมีเยอะมาก แต่ข้าไม่ได้รักในสิ่งเหล่านั้น ส่วนจะชอบอะไรนั้นย่อมเป็นเรื่องของข้าเอง องค์รัชทายาทแห่งอู๋โยวไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล
เพราะเป็นองค์รัชทายาทแห่งอู๋โยว ข้าจึงขอมอบประโยคหนึ่งให้ท่าน ‘ภัยพิบัติเข้าออกจากทางปาก’ จงคิดทบทวนให้ดีเมื่อจะทำอะไร!"
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่และรู้สึกมืดมนอยู่ตลอดเวลา
“เฮอะ...” จวินโม่ซ่างหัวเราะเบาๆ และสะบัดพัดให้คลี่ออก นึกโมโหจนอยากจะฆ่าคน!
ทันใดนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เหลือบมองดูพัดอีกหลายที นอกจากกลุ้มใจแล้วยังคิดว่าถ้าไม่มีเจ้าตัวอักษรสามคำนั้นคงจะดีไม่น้อย
สีหน้าของหนานกงเย่มืดมนลงอย่างไร้สาเหตุ เขาหมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างพิจารณา “นี่ไม่ใช่สิ่งที่อวิ๋นอวิ๋นจะพูดหรอกหรือ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้นึกอึดอัด เมื่ออธิบายบางเรื่องอย่างชัดเจนไปแล้วก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร
นางขยับเข้าไปชิดที่ข้างหูของหนานกงเย่และกระซิบบางอย่างกับเขา
จวินโม่ซ่างเบนหน้ามาเล็กน้อยและตั้งใจฟังว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดอะไร หนานกงเย่ยกมือขึ้นมาปกป้องร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแรงของฉีเฟยอวิ๋น หลังจากฟังแล้วจึงผละออกมานิดหนึ่งและก้มหน้ามองนาง “จริงหรือ”
“จริงซิเพคะ!”
“อะไรจะดีเช่นนี้!” หนานกงเย่หันไปมองจวินโม่ซ่างและไม่เกรงใจอีกต่อไป
“องค์รัชทายาทแห่งอู๋โยว”
“มีอะไร” จวินโม่ซ่างหันกลับมาและถาม รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ยินอะไรเลย
“พระชายาถามว่าท่านได้พัดนี้มาจากที่ใด”
จวินโม่ซ่างก้มลงมองพัดในมือแวบหนึ่ง “ถังหลงเป็นคนวาด”
ทันใดนั้นถังหลงก็ก้าวมาข้างหน้าและพูดว่า “ความสามารถของข้าน้อยยังอ่อนด้อยนัก พระชายาโปรดอย่าได้หัวเราะเยาะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านชายถังถ่อมตัวเกินไปแล้ว ในเมื่อท่านชายถังเป็นคนทำขึ้นมา คงจะดีกว่าถ้าท่านชายถังจะมอบภาพวาดเช่นนี้ให้ข้าสักหนึ่งชิ้น ข้าอยากจะนำไปมอบให้กับท่านอ๋อง”
“นั่นมัน...” ถังหลงลังเลเล็กน้อย
จวินโม่ซ่างกล่าวว่า “ถังหลงเป็นบัณฑิตอันดับหนึ่งแห่งเมืองอู๋โยวของข้า ทักษะการใช้พู่กันของเขานั้นหาได้ยากยิ่งในเมืองอู๋โยว ท่านช่างมีสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก”
พูดจบจวินโม่ซ่างก็หันไปมองฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นค่อนข้างหน้าทนและไม่สลดง่ายๆ เพื่อหนานกงเย่นางจึงยอมทุ่มสุดตัว
“ท่านชายถัง เช่นนั้นเอาแบบนี้ ข้าจะแลกภาพวาดกับท่าน ท่านเห็นว่าอย่างไรบ้าง”
ถังหลงลำบากใจ “เรื่องนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่าบาทก่อน ข้าน้อยจึงจะแสดงความสามารถอันต่ำต้อยได้!”
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองจวินโม่ซ่าง “องค์รัชทายาทแห่งอู๋โยวเห็นเป็นเช่นไรบ้างเพคะ”
“ถ้าข้าปฏิเสธ เกรงว่าจะเป็นการทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยพูดกันไปว่าแม้แต่ภาพวาดก็ยังมอบให้กันไม่ได้ แต่ถ้าหากพระชายานำผลงานที่ยอดเยี่ยมมามอบให้ถังหลงได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแต่จะเล่นละครตบตา แต่ไม่คิดว่าจวินโม่ซ่างจะรับมือยากขนาดนี้
หนานกงเย่เอ่ยด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง “ในเมื่อองค์รัชทายาทแห่งอู๋โยวไม่ยอมมอบให้ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”
พูดจบเขาก็วางขาของฉีเฟยอวิ๋นลงและลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น “อื้ม”
ทั้งสองคนไม่สนใจสายตาของใครต่อใครและตรงกลับไปยังที่พัก
จวินโม่ซ่างกำพัดแน่นด้วยความโกรธจัด ถังหลงทำสีหน้าอย่างจนปัญญา
ตัวเขาไม่ได้สนใจเลย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดองค์รัชทายาทจึงโกรธขนาดนี้
ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อนเมื่อกลับไปถึงที่พัก แต่พอตกบ่ายก็มีคนมาเคาะประตู หนานกงเย่บอกให้เข้ามาได้และพบว่าคนผู้นั้นคือถังหลง
ถังหลงคารวะอย่างให้เกียรติก่อนจะเดินเข้ามาใกล้และกล่าวว่า “องค์รัชทายาทรับสั่งให้ข้าน้อยมาเชิญท่านอ๋องเย่และพระชายาเย่ไปพบ พระองค์ยอมมอบภาพวาดพู่กันของข้าน้อยแล้ว”
เดิมทีหนานกงเย่ไม่ได้คิดจะรับไว้ ฉีเฟยอวิ๋นเองก็รู้ว่าเขาไม่ได้ขาดเหลืออะไร แต่นางกลับมีความคิดบางอย่าง
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นตามไป หนานกงเย่จึงตามนางไปด้วย
ภายในห้องมีหมึก พู่กันและกระดาษเตรียมไว้พร้อมแล้ว
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้ามาใกล้ ถังหลงก็เริ่มเตรียมการ จากนั้นจวินโม่ซ่างจึงเอ่ยว่า “เชิญพระชายาเย่”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่นิดหนึ่ง นางเดินไปพลางถลกแขนเสื้อขึ้น จากนั้นจึงเริ่มตวัดพู่กัน
ฉีเฟยอวิ๋นวาดรูปดอกโบตั๋นที่กำลังอวดประชันความงามลงบนแผ่นกระดาษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ