หลังจากจัดการเรื่องของพ่อค้าเร่แล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปยังจวนท่านแม่ทัพ ทั้งแม่ทัพฉีและหนานกงเย่สองคนเดินตามอย่างเชื่อฟัง ฉีเฟยอวิ๋นเดินมาพักหนึ่งแล้วหันไปมองแม่ทัพฉีและหนานกงเย่: "เหตุใดพวกท่านถึงตามอยู่ด้านหลังหล่ะ?"
“เงินของพ่อไม่มีแล้วจึงเสียใจอยู่ด้านหลังและไม่โอ้อวดอยู่ด้านหน้าแล้ว” แม่ทัพฉีครุ่นคิดเป็นเวลานานถึงได้คิดประโยคนี้ขึ้นมาซึ่งทำให้ฉีเฟยอวิ๋นโกรธจนหัวเราะแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นมองยังหนานกงเย่: "เช่นนั้นท่านอ๋องหล่ะ?"
“ท่านพ่อตาอยู่ด้านหลังส่วนข้าอยู่ด้านหน้า ไม่เหมาะสม!”
“ท่านช่างพูดนัก พวกท่านมาด้านหน้าเถอะทำราวกับว่าถูกรังแก”
“……”หนานกงเย่จึงได้เชิญแม่ทัพฉีแล้วทั้งสามคนก็กลับไปพร้อมกัน
แม่ทัพฉีไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้อยู่แล้วและเดินอย่างรวดเร็ว เดินไปเดินมาก็กลับจวนท่านแม่ทัพแล้วและรีบดูหลานชายอย่างเร่งรีบ
คู่สามีภรรยากลับไปโดยไร้คำพูดตลอดทาง ใกล้จะถึงจวนท่านแม่ทัพฉีเฟยอวิ๋นจึงถามว่า: "ก่อปัญหาเช่นนี้ฝ่าบาทจะปล่อยพวกเราหรือ?"
“ข้าจะรู้ได้เช่นไร?” หนานกงเย่ดูไม่พอใจและเขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยเฉินอวิ๋นชูไป
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นเขาไม่พอใจจึงไม่ได้กล่าวอีก กลับถึงจวนท่านแม่ทัพยังไม่ได้เข้าไปก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ด้านใน
“เหตุใดท่านถึงมาที่นี่? ส่งของขวัญมาหรือ?” แม่ทัพฉีเป็นผู้ที่กล่าวตรงไปตรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เสี่ยวกั๋วจิ้วมาดูเด็กๆก็ต้องนำของขวัญมาเป็นธรรมดา
เสี่ยวกั๋วจิ้วส่ายศีรษะ: “ไม่ได้มาเพื่อให้ของขวัญ เป็นเพราะวันนี้ข้าไม่ค่อยสบาย หมอในสำนักหมอหลวงก็ดูแล้วแต่ก็ดูสิ่งใดไม่ออก จึงได้มาที่นี่เพื่อดู คิดว่าทักษะทางการแพทย์ของเจ้านั้นล้ำเลิศสามารถช่วยข้าได้จึงได้มา”
"ในจวนกั๋วจิ้วมีหมอผู้มีชื่อเสียงไม่ใช่หรือ?" หนานกงเย่อารมณ์เสียเห็นทุกคนก็โมโหยิ่งไม่ต้อวกล่าวถึงเสี่ยวกั๋วจิ้ว
เสี่ยวกั๋วจิ้วก็จนปัญญาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ที่ถูกลากลงน้ำ ตอนนี้เขาเป็นเหมือนผู้ริเริ่มและทำให้พวกเขาขุ่นเคือง
“ข้ามาหาพระชายาเย่เจ้าไม่พอใจเช่นนั้นทำไมกัน ข้าไม่ได้มาหาเจ้าซะหน่อย” เสี่ยวกั๋วจิ้วหน้าตาบูดบึ้ง เขามองหนานกงเย่ไม่เข้าตาเช่นกัน เขาคือกั๋วจิ้วและเป็นลุงแท้ๆของเขา ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักอาวุโส
ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กล่าวว่า: “กล่าวโดยไม่ปกปิด สักครู่ข้าและท่านอ๋องจะไปศาลพิเศษกลาง ไม่ทราบว่าเสี่ยวกั๋วจิ้วไม่สบายที่ใดสามารถบอกได้หรือไม่ ข้าก็จะได้รักษาให้เร็ว”
“อาการป่วยนี้ค่อนข้างคลุมเครือ ไม่รู้ว่าขอพูดคุยทางนี้ได้หรือไม่?” เสี่ยวกั๋วจิ้วใบหน้าลำบากใจ
ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กล่าวว่า: "กั๋วจิ้วเชิญด้านใน"
"ได้"
เสี่ยวกั๋วจิ้วตามฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาและทั้งสองคนก็หาสถานที่เงียบสงบนั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นวางมือบนข้อมือของเสี่ยวกั๋วจิ้วแล้วเริ่มการตรวจ
“ที่นี่ไม่มีคนภายนอกข้าก็จะไม่ปิดบัง ฝ่าบาทหวังให้อ๋องเย่กลับไป”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังเสี่ยวกั๋วจิ้วแต่ไม่ได้กล่าวในทันที เขามาฉีเฟยอวิ๋นก็รู้ว่าเพราะเหตุใด ในเวลานี้กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาโดยธรรมชาติแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแปลก
เพียงแต่ว่านางเป็นหมอ......
เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่กล่าวเสี่ยวกั๋วจิ้วจึงกล่าวต่อ: “ฮองเฮาทรงทุบตีคนนั้นผิดแต่พระนางก็ทรงเป็นสตรีของฝ่าบาท
อ๋องเย่มุ่งเป้าไปยังฮองเฮาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทไม่ได้ทรงติดตามเอาความก็เป็นการอ่อนข้อจากฝ่าบาทแล้ว
อ๋องเย่ยังต้องการเอาฮองเฮาให้ถึงแก่พระชนม์ชีพ นี่……”
“กั๋วจิ้ว ท่านต้องการให้ข้าเกลี้ยกล่อมท่านอ๋อง ให้ไปขอประทานอภัยต่อฝ่าบาทในวังในเรื่องนี้หรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องการให้สลับซับซ้อนเช่นนั้นจึงได้กล่าวตรงประเด็นในเจตนารมณ์ที่มาของหวังฮวายอัน
หวังฮวายอันต้องการนำมือกลับมาแต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับกดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
หวังฮวายอันสงสัย: "นี่พระชายาเย่ทำสิ่งใด?"
“ตรวจดูอาการป่วยคือตรวจดูอาการป่วย ขอโทษคือขอโทษ ขอถามกั๋วจิ้วก่อนว่าจะทำสิ่งใดก่อน?”
ฉีเฟยอวิ๋นถามอย่างจริงจังหวังฮวายอันถึงได้กล่าวว่า: "อาการป่วยนั้นช่างเถอะคุยเรื่องในวังก่อน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ