“ชอบพอฮองเฮาเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว” หนานกงเย่ขัดจังหวะฉีเฟยอวิ๋น
“ชอบนั้นชอบอยู่แล้วแต่ก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด
หากเพื่อฮองเฮาจริงก็ทรงปล่อยให้นางเป็นอิสระและให้สิ่งที่นางต้องการกับนาง
ผูกมัดครึ่งชีวิตของหญิงผู้หนึ่งด้วยความอบอุ่นภายในแล้วสุดท้ายก็อยู่กับหญิงอีกผู้หนึ่งถามท่านอ๋องหน่อยว่าเช่นนี้รักตนเองหรือรักผู้อื่น?
เมื่อเขาก้าวย่างเข้าไปในช่วงเวลาของความอบอุ่น เขายังจำได้หรือไม่ว่าหญิงผู้นั้นเคยอยู่ที่ใดในใจ
ผู้ให้ความหวังคือเขา ผู้ทำลายความหวังนั้นเหตุใดถึงจะมิใช่เขาหล่ะ?
สิ่งใดเป็นสาเหตุของการทำลายทั้งหมดนี้?
มิใช่หัวใจร้อนรนกระสับกระส่ายหรอกหรือ?
เวลาอันยาวนานนั้นทำให้รวงโรยไปและท้ายที่สุดก็จะแก่ชราไป เมื่อถึงเวลานั้น! ท่านอ๋องไม่แน่ว่าจะยังชอบพอ เช่นไรผู้คนก็ต้องแก่ตามกาลเวลามองที่ใดก็ไม่เป็นสิ่งใด
กล่าวถึงนิสัยของข้าซึ่งเป็นนิสัยเช่นนี้ เกรงว่าท่านอ๋องจะเบื่อหน่ายในเร็ววันซะแล้ว
เก่าผ่านไปวันนี้ผ่านมา ผู้คนซึ่งภักดีทั้งหลายเหล่านั้นหลังจากกลายเป็นผู้มีชื่อเสียง ผู้ใดไม่ใช่กล่าวอ้างการสืบทอดเป็นเหตุผลแล้วตบแต่งภรรยาและมีอนุภรรยา?
ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงหรือ? "
ฉีเฟยอวิ๋นตั้งข้อสังเกตซึ่งกล่าวซะจนหนานกงเย่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ต้องการนำเขาเข้าไปอยู่ในหมู่ผู้คนเหล่านั้น
กล่าวไม่ออกและหาสิ่งใดที่จะมาหักล้างไม่ได้จึงได้ใช้แรงดึงฉีเฟยอวิ๋นครั้งหนึ่ง จากนั้นหันหลังเดินไปและยิ่งเดินยิ่งเร็วขึ้น ยิ่งเดินก็ยิ่งโมโห: "ความคิดดีๆของข้าถูกเจ้ารบกวนจนวุ่นวายฟมดแล้ว ข้าโปรดปรานเจ้ามากเกินไปรอดูว่ากลับไปข้าจะจัดการกับเจ้าเช่นไร!”
หนานกงเย่เดินไปด้านหน้าด้วยความโมโห ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามหลังอย่างมีความสุข
ทั้งสองคนเดินไปทีละคนหน้าหลัง เดินถึงตรงหน้าประตูวังหนานกงเย่ก็หายโมโหแล้ว
เมื่อหันกลับมาฉีเฟยอวิ๋นไม่ทันได้ระวังจึงได้ชนเข้าไป ส่วนหนานกงเย่ก็กอดเอาไว้เต็มอกและยิ้มอย่างมีชัย
ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาอย่างโกรธเคือง: "เหตุใดท่านถึงหันหลังกลับก็หันกลับเลย?"
“คิดถึงอวิ๋นอวิ๋นแล้วจึงอยากมองดู ผู้ใดบอกให้เจ้าเดินเร็วเช่นนั้น” หนานกงเย่ปล่อยมือออกหายโมโหแล้วและจูงฉีเฟยอวิ๋นจากไป
ออกจากวังมาแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ขึ้นรถม้า ว่าไปแล้วก็เหนื่อยซะแล้ว ขึ้นรถแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็นอนหลับไปจนถึงจวนท่านแม่ทัพ
รถม้าหยุดหนานกงเย่ก็อุ้มฉีเฟยอวิ๋นกลับไปยังจวนท่านแม่ทัพ
อวิ๋นจิ่นออกมาจากลานหลังเรือนของจวนท่านแม่ทัพ เห็นทั้งสองคนก็ถวายความเคารพทันทีแล้วรีบตามเข้าไป: “เหตุใดนายท่านถึงเต็มไปด้วยเลือด?”
ฉีเฟยอวิ๋นนั้นตื่นแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวิ๋นจิ่นก็รู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่งจึงมองไปยังอวิ๋นจิ่นอีกครั้ง: "ไม่เป็นไร แค่กระเด็นใส่เท่านั้น"
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องการให้อวิ๋นจิ่นเป็นกังวล แต่คาดไม่ถึงว่านัยน์ตาอวิ๋นจิ่นกลับเปียกปอนซะแล้ว
“นายท่าน เห็นได้ชัดว่าท่าน......” อวิ๋นจิ่นอยากจะร้องไห้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงขยิบตาขึ้นทันทีส่งสัญญาณให้อวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างระมัดระวังหน่อยหลีกเลี่ยงไม่ให้ท่านพ่อผู้เป็นแม่ทัพได้ยินซึ่งเขาจะยิ่งกังวลมากขึ้นอีก
อวิ๋นจิ่นรีบเช็ดน้ำตาแล้วถามว่า "ไปในเรือนของข้าหรือไม่"
เรือนหลังใหญ่คือเรือนที่ท่านแม่ทัพอาศัยอยู่ และถัดจากนั้นก็คือที่ที่ฉีเฟยอวิ๋นอาศัยอยู่ เดิมทีพ่อกับลูกสาวอาศัยอยู่ด้วยกันพอออกประตูไปก็สามารถเจอหน้ากัน ทีนี้จะไปที่ใดก็ไม่สะดวกจึงได้แต่ไปยังที่อวิ๋นจิ่นนั่น
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าส่วนหนานกงเย่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นไปยังเรือนที่อวิ๋นจิ่นอาศัย
หลังจากเข้าประตูแล้วอวิ๋นจิ่นก็วุ่นยุ่งกับการเก็บทำความสะอาด ไม่กล้าไปยังเรือนที่แม่ทัพฉีอาศัยอยู่ รีบเตรียมเสื้อผ้าใหม่ที่นางยังไม่ได้สวมใส่ออกมา จากนั้นสั่งการผู้คนสองสามคนให้เตรียมอ่างอาบน้ำให้ฉัเฟยอวิ๋นอาบน้ำชำระล้างร่างกาย
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่บนเก้าอี้รออวิ๋นจิ่น ในใจนั้นรู้สึกเศร้าสร้อย
ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วได้ทำบุญใดที่ดีเอาไว้ ชาตินี้จึงได้กับอวิ๋นจิ่นผู้นี้
ขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่ก็ถามหนานกงเย่ขึ้นมาว่า: "ท่านอ๋อง ท่านไม่ไปจับกุมคนหรือ?"
“หนีไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าไปถึงไหนซะแล้ว จับนี่คงจับไม่ได้แล้วอยู่บ้านเป็นเพื่อนกับอวิ๋นอวิ๋นยังดีซะกว่า”
หนานกงเย่ลุกขึ้นแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้า ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาไม่ละอายจึงเดินไปตรงประตูแล้วฝากฝังสองสามประโยคให้อวิ๋นจิ่นดูเอาไว้หน่อย
“ท่านอ๋องอาบก่อน เตรียมเสื้อผ้ามาชุดหนึ่ง”
อวิ๋นจิ่นไปจัดการฉีเฟยอวิ๋นจึงได้รออยู่ตรงหน้าประตูจนกระทั่งอวิ๋นจิ่นส่งเสื้อผ้ามา ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้เดินกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหนานกงเย่อาบน้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ