อาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งยกถ้วยยามาให้กับนายท่านใหญ่ เมื่อวางลงก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา จากนั้นก็เอ่ยถามฉีเฟยอวิ๋นด้วยความปีติยินดีว่า : “การป่วยของพี่ชายกระหม่อมยังต้องฉีดยาอีกหรือไม่?”
“ฉีดยามันแน่นอนอยู่แล้ว ของสิ่งนี้จะช่วยให้ร่างกายของนายท่านใหญ่ที่มีอาการร้ายแรงนั้นคงที่ แม้ว่าข้าจะไม่เอ่ย แต่ใต้เท้าอาลักษณ์ก็น่าจะมองออก ร่างกายนี้จะรับไม่ไหวแล้ว แม้ว่าบัดนี้จะบอกว่าพวกเจ้าจะพยายามฝืน แต่ถึงอย่างไรร่างกายก็แย่ลงมาก”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวพร้อมกับหยิบเข็มออกมา จากนั้นก็เริ่มให้น้ำเกลือ
“นี่มัน?” อาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งเคยได้ยินว่าพระชายาเย่สามารถชุบชีวิตผู้ป่วยใกล้ตายให้ฟื้นกลับมาอีกครั้งได้ ภายนอกก็ยังเลื่องลือ แม้แต่คนตายก็ยังช่วยกลับมาได้ ต่อให้อยู่ในหลุมศพแล้ว ขอแค่พระชายาเย่ออกโรงเอง ถึงคราวร่อแร่ก็ยังรอดกลับมาได้ เขาเองก็เคยคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากพระชายาเย่ถึงในจวนอ๋องเย่เช่นกัน จึงได้มาดู
แต่ข่าวลือนั้นไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด คนต่ำต้อยคงจะไปเชิญพระชายาเย่ไม่ได้ เขาจึงยกเลิกความคิดนี้ไป
แต่เมื่อได้เห็นเวลานี้ มันไม่ได้จริงเสมอไป
“นี่คือยาบำรุง ภายในคือโปรตีน จะช่วยใต้เท้าอาลักษณ์ได้หรือไม่นั้นข้าเองก็ไม่ทราบ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการกินของบำรุงอย่างสม่ำเสมอ นายท่านใหญ่ป่วยเรื้อรังมานานลุกไม่ได้เพราะหนอนที่อยู่ภายในร่างกายทำลายอวัยวะของเขา กินสิ่งใดเข้าไปก็ล้วนถูกเจ้าพวกนี้ดูดซับไปหมดสิ้น ตรงกันข้ามร่างกายของนายท่านใหญ่ทรุดลงทุกวัน นายท่านใหญ่เป็นถึงชายชาตรีสูงเจ็ดฉื่อ* ได้ถูกพวกเขาดูดกินเลือดเนื้อบนร่างกายไปทีละนิด ๆ เมื่อฉีดยานี้เข้าไปในกระแสเลือด มันจะช่วยเข้าไปบำรุงเลือดภายในร่างกายของนายท่านใหญ่ จากที่ข้าเอ่ย หนอนเหล่านี้จะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกไป ซึ่งนั้นก็คงไม่เป็นไรแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายอย่างชัดเจน จากนั้นก็ฉีดยา และลุกขึ้นเดินออกไป
อาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจอย่างมาก จากนั้นจึงรีบไปเรียกคนในครอบครัวไปหานาง ให้พวกเขาคำนับศีรษะโขกพื้นดินให้กับฉีเฟยอวิ๋น ซึ่งฉีเฟยอวิ๋นได้ปรี่เข้าไปประคองอาลักษณ์ราชสำนักเจิ้ง ขัดขวางครอบครัวเขาไว้
“ดึกมาแล้ว รีบกินข้าวเถอะ กินเสร็จเราคงต้องขอตัวกลับ”
“พระชายาจะร่วมมื้ออาหารด้วยจริงหรือ ท่าทางของท่านพี่ในตอนนี้พระชายาไม่กลัวติดเชื้อหรือพ่ะย่ะค่ะ?” อาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย
“หากข้ากลัวติดเชื้อข้าก็คงเป็นหมอไม่ได้หรอก วางใจเถอะ โรคนี้ไม่แพร่เชื้อหรอก แต่พวกเจ้าต้องระวังตัวหน่อย อีกประเดี๋ยวข้าจะตรวจผู้อื่นในจวน หลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนตกหล่น กินกันก่อนเถอะ กินข้าวแล้ว จะได้เริ่มตรวจจากใต้เท้าอาลักษณ์”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าของอาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย จากนั้นก็มองไปทางฉีเฟยอวิ๋นพลางกล่าวว่า : “กระหม่อมเองก็คาดไม่ถึง ว่าพระชายาเย่จะเป็นคนเช่นนี้ กระหม่อมได้ยินชื่อเสียงของพระชายาเย่ก็กลัวว่าจะเคราะห์ร้าย มักรู้สึกว่าพระชายาเย่เป็นหญิงสาวที่ไม่รู้สึกเอียงอายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางอาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งอย่างไม่ใส่ใจนัก : “เมื่อครั้งวัยเยาว์ได้ทำเรื่องที่สู้หน้าใครไม่ได้ ใต้เท้าอาลักษณ์อย่าได้เยาะเย้ยข้าเลย”
“กระหม่อมมิบังอาจ ได้โปรดพระชายาเย่ ร่วมมื้ออาหารกับเราด้วยเถอะ”
อาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งเรียกคนรับใช้เข้ามาทันที จากนั้นก็จัดการเรื่องอาหารมื้อค่ำ
ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายแจกแจงเรื่องการดูแลนายท่านใหญ่ และยังบอกถึงรสชาติอาหารที่จืดชืดและอาหารบำรุงด้วย และออกใบสั่งยาตามโภชนาการสำหรับการฆ่าหนอนภายในร่างกาย
หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้วฉีเฟยอวิ๋นต้องไปตรวจอาการของคนในจวนอาลักษณ์ กระทั่งเหนื่อยล้า แต่นางก็ไม่ได้รีบกลับแต่อย่างใด นางพักผ่อนอยู่ในจวนอาลักษณ์ครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นานอาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งก็พาบุตรชายและสะใภ้มาอยู่เป็นเพื่อนนาง
ในตอนที่หนานกงเย่มาถึงนั้นฉีเฟยอวิ๋นยังไม่ตื่น อาลักษณ์ราชสำนักเจิ้งออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ทันทีที่ออกมาก็คุกเข่าลงตรงหน้าของหนานกงเย่ ทุกคนในจวนล้วนคุกเข่าอยู่หน้าประตู
หนานกงเย่หลุบตามองไปยังเจิ้งเอ๋าที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
เจิ้งเอ๋าเป็นตาเฒ่าหัวรั้นที่สุดในราชสำนัก ไม่ว่าตอนไหนก็ล้วนไม่ยอมก้มหัวให้ท่านอ๋องเย่อย่างเขาง่าย ๆ ทั้งสองเป็นคนที่พวกเขารับมือได้ยากที่สุด แม้ว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายงาน แต่ทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรมอะไรก็ตามในวัดกวงลู่ เขาก็มักจะไม่แสดงความคิดเห็นใด ตราบใดที่มี เจิ้งเอ๋าผู้นี้ก็จะต่อต้านโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
หนานกงเย่เห็นว่าเจิ้งเอ๋าผู้นี้ไม่ยกยอประจบใคร และมักจะโต้เถียงกับเขาน้อยมาก แต่หากอยากให้เขาเชื่อฟังกลับเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
มีหลายครั้งหลายคราที่หนานกงเย่ก็มักรู้สึกว่า คนผู้นี้ไม่ชอบเขา
แม้ว่าเขาจะมีฐานะสูงส่งเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของเมืองต้าเหลียง บัญชาการถึงสามส่วนในสามเมือง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจิ้งเอ๋าอาลักษณ์กรมพิธีการผู้นี้ เหมือนกับต้องแสดงอย่างไรอย่างนั้น
เจิ้งเอ๋าเป็นคนที่ไม้อ่อนก็ไม่ได้ไม้แข็งก็ไม่ได้ ในตอนที่เขาดูแลกรมพิธีการนั้นก็จะไม่ขอเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญใด ๆ หากไม่มีการสอบขุนนางและพิธีสังเวยบรรพบุรุษ ก็คงจะว่างงานไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ