ฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากพระราชวังได้ทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องครั้งนี้จะจัดการดำเนินการได้เร็วอย่างนี้
คิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิอวี้ตี้จะตอบตกลงอย่างง่ายดาย เรื่องต้องการให้สวีกงกงเป็นคนรับใช้ในจวนอ๋องเย่ เป็นเรื่องที่ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจมาก
แต่ว่าถึงอย่างไรก็จ้างงานมาหลายปี ก็นับว่าเป็นพระคุณแก่สวีกงกงแล้ว
พอรถม้ามาถึงก็ได้พบเจอความวุ่นวายอยู่หน้าประตูจวนอ๋องเย่ คนกลุ่มหนึ่งกำลังเกาะติดอยู่ที่นั่น ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้าแล้วรู้สึกประหลาดใจ เหตุใดเพิ่งจะออกไป หน้าประตูจวนก็มีคนมาชุมนุมมากมายเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงแค่นี้ มันคล้ายดั่งว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนะสิ
ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้า พอดีกับที่พ่อบ้านเดินออกมา กำลังเรียกคนให้รีบเข้าพระราชวัง ได้เห็นฉีเฟยอวิ๋นพ่อบ้านน้ำตาคลอเบ้ากล่าวว่า “พระชายา ในที่สุดก็กลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นท่าทีพ่อบ้านเป็นอย่างนั้น ก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ชำเลืองมองคนตรงหน้าประตูแล้วไม่มีเวลาถามสนใจอะไรมาก จึงเร่งเดินไปที่เรือนจวินจื่อ เวลานี้ทุกคนที่อยู่ในจวนอ๋องเย่ต่างยุ่งวุ่นวายกันเป็นพัลวัน พอเห็นฉีเฟยอวิ๋นแล้วพากันทำความเคารพก็พากันวิ่ง
ทิศทางของทุกคนล้วนเป็นเรือนจวินจื่อ คนสำคัญที่สุดของฉีเฟยอวิ๋นต่างอยู่ที่นั่น ฉีเฟยอวิ๋นวิ่งไปทางนั้นโดยไม่สนใจอะไรแล้ว
เข้ามาแล้วเจอเลือดนองอาบอยู่บนพื้นทั่วทุกแห่ง คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเปลี่ยนแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นลังเลใจครู่หนึ่ง จากนั้นเดินเข้าไป
หนานกงเย่ที่อยู่ด้านในหันมาทางฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงัน ได้พบท่านอ๋องเย่เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก กล่าวว่า“ท่านอ๋อง!”
หนานกงเย่รู้ว่าเธอเป็นห่วง เอ่ยปากขึ้นว่า“ลูกๆมิเป็นอันใดหรอกนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นสาวเท้าก้าวเดินมาตรงหน้าหนานกงเย่ แล้วกล่าวยกขึ้นว่า“กั๋วจิ้วล่ะเพคะ?”
“กั๋วจิ้วก็มิเป็นไร”หนานกงเย่กล่าวอย่างราบเรียบตามเคย
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกแปลกไม่สบายใจ หากว่าไม่มีอะไร ก็ไม่มีทางมีสีหน้าเช่นนี้หอก
“เช่นนั้นผู้ใดเป็นอะไรเพคะ?”
“สวีกงกงจะไม่ไหวแล้ว เข้าไปดูเถิด”หนานกงเย่พูดจบก็เดินไปอีกด้าน ฉีเฟยอวิ๋นมองห้องกว้างปลอดโปร่งอย่างมาก
ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับสวีกงกงฉีเฟยอวิ๋นเลยมองไปด้านในห้อง มองเห็นด้านในมีคนนอนอยู่ผู้หนึ่ง อีกด้านมีคนคอยปรนนิบัติ
ฉีเฟยอวิ๋นเร่งฝีเท้าเดินไป พอมาถึงตรงหน้าของสวีกงกง ฉีเฟยอวิ๋นได้คุกเข่ารีบดู ตอนนี้สวีกงกงนอนไม่ได้สติอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นจับชีพจรถึงกับชะงักงัน เธอรีบเปิดผ้าห่มออก ล้วนเป็นแผลจากกริช อีกทั้งมีทั้งข้างหน้าข้างหลัง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า “เหตุใดถึงได้หนักเช่นนี้ กริชจำนวนมาก?”
ด้านข้างมีลี่ว์หลิ่วที่ร้องไห้พร้อมกับกล่าวว่า“คนเหล่านั้นเข้ามาอย่างกะทันหัน พวกเราแต่ละคนปกป้องเสี่ยวซื่อจื่อ คิดไม่ถึงว่าพวกนั้นมันจะโหดร้าย ไม่ยอมละแม้กระทั่งพวกเรา สวีกงกงร้องเสียงดัง ต้องการให้คนเหล่านั้นไปหาเขา ยังกล่าวอีกว่าเขาเป็นขันทีผู้หนึ่ง พวกเขาสู้ไม่ไหวก็คือพวกขี้ขลาด ผู้ใดจะรู้ว่าพวกนั้นฟังแล้วก็โผกรูไปที่สวีกงกงเพคะ
กริชของพวกเขาแต่ละด้ามพุ่งทะยานใส่สวีกงกง เดิมพวกเราอยากจะช่วย เสี่ยวกั๋วจิ้วอุ้มเสี่ยวซื่อจื่อสั่งให้พวกเรารีบหนีไป พวกเรามิกล้าทำให้เสียเวลาล่าช้า ก็วิ่งเผ่นเพคะ
เพื่อที่จะล่อถ่วงเวลาคนพวกนั้นไว้ ก็ด่าพวกมันว่าสู้มิได้กับเป็นพวกคนขี้ขลาด ก็......”
ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะดวงตาแดงก่ำ สวีกงกงลืมตาขึ้นช้าๆ เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกแต่กลับกันเขายิ้มออกมาและกล่าวว่า“พระชายากลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?กระหม่อมนึกว่าจะไม่ได้เจอพระชายาเสียแล้ว?”
ฉีเฟยอวิ๋นสะอึกสะอื้น น้ำตาหลั่งรินลงมา ตามด้วยสั่งว่า“ข้าจะช่วยชีวิตเขา ออกไปกันให้หมด”
สวีกงกงส่ายหน้า “พระชายาอย่าเสียเวลาเลย กระหม่อมรู้ กระหม่อมเกรงว่าจะมิไหวแล้ว อยากจะปรนนิบัติพระชายากับเสี่ยวซื่อจื่ออีกสักหน่อย ก็ไม่มีความโชคดีนี้แล้ว.......”
“ออกไป เวลาไม่รีรอแล้ว ข้าจะช่วยชีวิตเขา ”ฉีเฟยอวิ๋นให้พวกลี่ว์หลิ่วออกไป กล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม ลี่ว์หลิ่วและพวกพ้องต่างร้องไห้ถอยกันออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ที่ไม่ไปไหน จากนั้นเช็ดน้ำตาแล้วหยิบกริชมาหนึ่งด้าม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ