หญิงชรากำลังทำงานอยู่ข้างใน และเมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รีบลุกขึ้นยืน นางเดินไปตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นและถอนสายบัว:“หญิงชราถวายบังคมพระชายาเพคะ”
“ลุกขึ้นเถอะ ข้าเห็นว่าโฮ่วเซิงฟื้นตัวได้ดี พวกท่านสองสามีภรรยาชินกับการอยู่ที่นี่แล้วหรือไม่?”
ในห้องไม่มีใคร ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินเข้าไปนั่ง อวิ๋นจิ่นเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู เพื่อป้องกันไม่ให้ใครแอบฟัง
หญิงชรารีบกล่าวว่า:ชินแล้วเพคะ ทุกคนในจวนดูแลเป็นอย่างดี และให้เงินไม่น้อยเลย อีกด้วย เก็บเล็กผสมน้อยอีกสักสองสามปีก็สามารถสู่ขอภรรยาให้โฮ่วเซิงได้แล้วเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง:“ท่านจะสู่ขอภรรยาให้โฮ่วเซิงหรือ?”
“เพคะ โฮ่วเซิงฟื้นตัวได้ดี และตอนนี้เขาก็เข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว วันก่อนเขาเห็นผู้อื่นแต่งภรรยา เขาจึงบอกกับบ่าวว่าเขาอยากแต่งภรรยาด้วยเช่นกัน บ่าวคิดว่าหากหญิงสาวบ้านไหนเต็มใจก็จะไปสู่ขอให้ ขอเพียงแค่คนผู้นั้นไม่โง่ ความพิการก็ไม่มีอะไร”
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจสิ่งที่หญิงชราพูด นางเหลือบไปมองที่หน้าประตูและกล่าวว่า:“ไม่รู้ว่าในจวนมีหญิงสาวดี ๆ บ้างหรือไม่ หากมีก็มองหาใครสักคน ขอเพียงเป็นคนที่เหมือนกันกับโฮ่วเซิง เกรงว่าหากแต่งกับคนที่ฉลาดเกินไป วันหน้าหากพวกเขาสองสามีภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว โฮ่วเซิงจะลำบาก แต่หากแต่งกับคนที่ไม่มีใจก็จะดูแลโฮ่วเซิงไม่ดี ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ต้องรีบร้อน สู้มองหาหญิงสาวที่ดี ๆ แล้วให้โฮ่วเซิงไปหาจะดีกว่า หากหญิงสาวดี ๆ และโฮ่วเซิงชอบพอกัน เช่นนั้นก็จะจัดการได้ง่าย
อย่างน้อยก็ได้เห็นไมตรีจิต และวันหน้าก็จะได้ปฏิบัติต่อโฮ่วเซิงเป็นอย่างดี”
“พระชายากล่าวได้ถูกต้องเพคะ แต่สถานะเช่นพวกเรา จะกล้าคิดเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร ได้ทำงานในจวนก็เป็นเพราะความเมตตากรุณาของพระชายา และไม่กล้าคาดหวังเรื่องเช่นนั้นเพคะ” หญิงชรากล่าวต่อ
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้คนมากมายเข้าไปที่เรือนจวินจื่อ โฮ่วเซิงแข็งแกร่งและมีฝีมือในการผ่าฟืน เขาผ่าฟืนแล้วส่งไปยังเรือนจวินจื่น ดังนั้นไปอยู่ที่เรือนจวินจื่อจะดีกว่า ประการแรกคือจะได้สะดวกในการทำงาน และประการที่สองคือที่นั่นกำลังจัดหาคนและเป็นคนที่ได้รับการคัดเลือกจากอวิ๋นจิ่น ไปอยู่ที่นั่นจะได้มีโอกาสมากขึ้น”
“พระชายาเพคะ วันนี้พระองค์ทรงเสด็จมาที่นี่ เพราะเรื่องที่แม่นางอวิ๋นจิ่นต้องการให้บ่าวไปที่เรือนจวินจิ่น?”
หญิงชราเป็นคนฉลาด เมื่อพูดมาถึงเรื่องตรงนี้แล้ว นางจึงไม่กล้าที่จะละเลย
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“คนฉลาดจะไม่พูดอ้อมค้อม ในเมื่อท่านรู้จุดประสงค์ที่ข้ามาแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะพูดตรง ๆ ”
หญิงชราลังเลและกล่าวว่า:“พระชายา โฮ่วเซิงเป็นผู้ที่พระชายาทรงช่วยไว้ และครอบครัวของบ่าวก็รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระชายา พระชายาทรงมีอะไรก็เรียกหาได้ เหตุใดต้องมารับสั่งถึงที่นี่ด้วยพระองค์เอง”
“อวิ๋นจิ่นบอกว่ามาเชิญท่านหลายครั้งแล้ว แต่ท่านไม่เห็นด้วย ข้าจึงมาดูด้วยตนเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงชราก็คุกเข่าลงในทันที:“พระชายา ไม่ใช่อย่างนั้นนะเพคะ”
“แล้วเป็นอย่างไร หรือว่าอวิ๋นจิ่นหลอกข้างั้นหรือ?”
“พระชายา อันที่จริงแล้วบ่าวก็ลำบากใจเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นช่วยพยุงนางขึ้นมา
“ข้าไม่ชอบให้ใครมาคุกเข่าให้ข้า ข้าไม่สบายใจ ลุกขึ้นมาพูดเถอะ หากเจ้าลำบากใจจริง ๆ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร
เพียงแต่ได้ยินอวิ๋นจิ่นบอกว่าท่านมีประสบการณ์และมีความสามารถมาก ข้าจึงอยากให้ครอบครัวของพวกท่านไปอยู่ที่นั่น”
หญิงชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า:“พระชายา แม้ว่าโฮ่วเซิงจะดีขึ้นแล้ว และทุกคนก็รู้ว่าเขาไม่เป็นไรจริง ๆ ซื่อจื่อน้อยแต่ละคนล้วนแต่สูงส่ง บ่าวกลัวว่าหากโฮ่วเซิงไปแล้วอาการกำเริบจะทำให้ซื่อจื่อน้อยตกพระทัย ดังนั้นบ่าวจึงปฏิเสธ เพียงแต่บ่าวเป็นคนที่ตรงไปตรงมา จึงกลัวว่าแม่นางอวิ๋นจิ่นจะเข้าใจผิด พระชายาได้โปรดอภัยด้วยเพคะ”
อวิ๋นจิ่นไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย ข้าจึงคิดว่าท่านต้องการให้ขามาที่นี่ด้วยตนเอง และให้คำมั่นสัญญาแก่ท่าน หากโฮ่วเซิงทำให้ซื่อจื่อน้อยตื่นตระหนกจริง ๆ อย่างน้อยข้าก็จะไว้ชีวิตโฮ่วเซิง เช่นนี้ใช่หรือไม่?” คำพูดของฉีเฟยอวิ๋นทำลายความคิดของหญิงชรา ใบหน้าของหญิงชราซีดเผือดและคุกเข่าลงในทันที
ฉีเฟยอวิ๋นช่วยพยุงหญิงชราและบอกให้นางยืนขึ้น
“ข้าให้คำมั่นสัญญาที่แก่ท่านแล้ว หากโฮ่วเซิงทำให้ซื่อจื่อน้อยตื่นตระหนกจริง ๆ ข้าจะไม่ทำร้าย ไม่ลงโทษ และไว้ชีวิตโฮ่วเซิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ