ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่สวนดอกกล้วยไม้ และมองไปรอบ ๆ ในลานบ้าน นางไม่เห็นหนานกงเย่ก่อนกลับมา แต่เมื่อครู่ตอนที่นางผลักประตูห้องให้เปิดออก นางเห็นคนนั่งอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นหนานกงเย่ หัวใจของฉีเฟยอวิ๋นก็จมลง กลัวสิ่งไหนได้สิ่งนั้น
“ท่านอ๋อง”
หลังจากปิดประตูแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็แสร้งทำเป็นเดินเข้าไปอย่างสงบ อันที่จริงนางเข้าใจว่ากลัวไปก็ไร้ประโยชน์
เพียงแต่บางครั้งก็เหนื่อยมากจริง ๆ เมื่อมาที่ที่ชำรุดแห่งนี้ ทุกวันก็เอาแต่ทะเลาะกัน นางต้องพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้ตลอดเวลา นางเหนื่อย เหนื่อยมากจริง ๆ !
“เมื่อพบข้า แม้แต่กฎระเบียบก็ไม่มี กลับไปที่บ้านของพ่อเจ้าแล้วเรียนรู้สิ่งนี้มาหรือ?” หนานกงเย่เย็นชา และมองนางอย่างไม่พอใจ
ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง:“ท่านอ๋อง”
นางถอนสายบัว และไม่รู้ว่าเหมือนที่เรียนมาหรือไม่ แต่ก็ดีกว่าคุกเข่า
หนานกงเย่เย็นชา:“เรียนอะไรมาหรือ?”
“หม่อมฉันคารวะท่านอ๋อง”
ฉีเฟยอวิ๋นพยายามจะแสดงความเคารพ
ในใจรู้สึกเกลียด แต่ก็ไม่สามารถโยนเขาออกไปได้ นางตะโกนในใจว่านี่คือห้องของข้า
แต่ถึงนางจะสามารถทำได้ นางก็กลัวว่าจะไม่เป็นผลดี
หนานกงเย่กำมือไว้เล็กน้อย และจ้องไปที่กระดูกสะบ้าหัวเข่าของฉีเฟยอวิ๋น:“เจ้าไม่ยอมคุกเข่าให้ข้า ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ”
แม้ว่าฉีเฟยอวิ๋นจะยอมรับ ทำไมคนผู้นี้ถึงไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีเช่นนี้ ยอมบ้างก็ไม่ได้
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืน และเดินไปนั่งลงด้านข้าง นางพูดอย่างโกรธเคือง:“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นภรรยาของท่าน ท่านปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ ภายหน้าหากมีบุตร ระวังว่าบุตรจะไม่เคารพ”
“อะไรนะ?” หนานกงเย่ตกตะลึงเล็กน้อย:“เจ้ายังคิดที่จะมีบุตรกับข้างั้นหรือ?”
“ไร้สาระ ข้าแต่งงานกับท่าน หรือว่าท่านต้องการให้ข้าเป็นสาวแก่ไปตลอดชีวิต?พูดง่ายแต่ฟังดูไม่ดี หากให้คนนอกรู้กับคนนอก คงไม่คิดว่าท่านเป็น……”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไรต่อ เมื่อคิดถึงเรื่องในตอนนี้ ของฝ่าบาท พูดให้น้อยลงจะดีกว่า
“ที่แท้ก็ไม่ได้มีจิตใจดีนัก แต่ไม่ว่าข้าจะถูกเจ้าโน้มน้าวให้ตายอย่างไร ข้าก็จะไม่มีทางมีบุตรกับเจ้า”
หนานกงเย่ลุกขึ้นและจากไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์ แล้วก็ไม่ได้ปิดประตูก็ไม่ปิ
เพียงแต่เดนไปอย่างว่องไว……
ตัวซวยจากไปแล้ว จุดประสงค์ของฉีเฟยอวิ๋นสำเร็จ นางลุกขึ้นไปปิดประตู แล้วสั่งว่า:“เรียกสาวใช้มาสองสามคน ข้าต้องการจะอาบน้ำ มาเตรียมน้ำให้ข้าอาบหน่อย”
มีเสียงตอบรับมาจากข้างนอกประตู ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหมดหนทาง ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นพระชายา แต่ที่นี่ไม่มีแม้แต่สาวใช้สักคนที่นางจะพูดคุยด้วยได้
หลังจากเรียกสาวใช้แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็หันไปมองที่ประตู ลืมนางไปได้อย่างไร
พ่อบ้านรีบจัดสาวใช้สองสามคนมาให้ฉีเฟยอวิ๋นอย่างว่องไว หลังจากที่คนเหล่านั้นเตรียมน้ำอาบให้ฉีเฟยอวิ๋นเรียบร้อยแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ชินกับการที่มีคนมามองนางอาบน้ำ จึงโบกมือ:“ข้าอาบเองได้ พวกเจ้าออกไปเถอะ หากมีอะไรข้าจะเรียกพวกเจ้า”
คนเหล่านั้นถอยออกไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงถอดเสื้อผ้า แล้วลงไปแช่ตัวในถังไม้ แม้ว่าร่างกายของนางจะไม่เป็นอะไร แต่ก็หนาวเย็นจนรู้สึกไม่สบาย เมื่อวานนางได้รับความทุกข์ยากจากขับรถม้า จึงอยากจะแช่ตัวให้สบายขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัว
แต่ฉีเฟยอวิ๋นคิดไม่ถึงว่าจะมีคนผลักประตูเข้ามา
มีเสียงดังเอี๊ยดที่ประตู ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถปรากฏตัวได้ และเมื่อหันกลับไป นางก็ตกตะลึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้นางไม่สามารถลุกขึ้นได้ แต่ดูเหมือนร่างกายจะควบคุมไม่ได้ แล้วนางก็ลุกขึ้นยืน
หนานกงเย่ที่อยู่ที่หน้าประตูก็ตกตะลึง ประตูด้านหลังก็ปิดเรียบร้อยแล้ว แต่ในห้องยังเต็มไปด้วยหมอกควันสีขาว ร่างกายอันงดงามของหญิงสาวยืนอยู่ตรงหน้าเขาราวกับหยกขาว เขาหลับตา แล้วมองไปทางอื่น จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เจ้า……ข้าเดาไม่ผิดเลยจริง ๆ ว่าเจ้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”
ฉีเฟยอวิ๋นสามารถควบคุมร่างกายของนางได้แล้ว และกระโดดลงไปในน้ำทันที นางหน้าแดงและหัวใจเต้นเร็ว
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ร่างกายของนางลุกขึ้นไปเอง และยังยืนตัวแข็งทื่อ นางไม่สามารถที่จะควบคุมร่างกายของนางได้เลย
นางตื่นตระหนก นานขนาดนี้แล้ว นางคิดมาโดยตลอดว่านางมาที่นี่พร้อมกับระบบทางชีวภาพของยา หรือว่าจะเป็นวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมที่ยังไม่ไปไหน และยังอยู่ในร่างของนาง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ