“ฉวนเอ๋อร์ เจ้ามีผู้ใดที่ชอบอยู่ไหม?” จงชินอ๋องถามขณะที่นางอายุเพียงสิบขวบ
นางจ้องไปยังจงชินอ๋องแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และบอกกับจงชินอ๋องว่าไม่ใช่เขาหรอกเหรอ?
จงชินอ๋องหัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุขแล้วถามว่ายินดีจะแต่งงานกับเขาหรือไม่ ตอนนั้นนางยังเป็นเด็กก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจึงเกือบจะบอกว่าได้ซะแล้ว แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ได้จึงกล่าวว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน พี่น้องจะแต่งงานกันได้อย่างไรหล่ะ
แต่จงชินอ๋องกลับกล่าวว่าหญิงสาวจากครอบครัวที่ดีไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับจงชิน ครอบครัวที่ไม่ดีก็ไม่เข้าตาเขา ชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่สามารถแต่งงานมีภรรยาได้แล้ว
จงชินอ๋องกล่าวด้วยใบหน้าอันน่าสงสารจนทำให้นางขำออกมา
เป็นเวลาอันเนิ่นนานนางจึงได้กล่าวว่า หากว่าไม่มีหญิงสาวที่ดีแต่งงานกับเขาเมื่อเติบใหญ่แล้วนางก็จะยินยอม นางไม่กลัวจงชิน
จงชินอ๋องรู้สึกดีใจยิ่งนักบอกว่าหากไม่มีหญิงสาวที่ดีที่สามารถแต่งงานด้วยได้เขาก็จะมาสู่ขอยังจวนกั๋วกง
นางคิดว่านี่เป็นแค่เรื่องตลกขบขัน คิดไม่ถึงว่าเขาจะจริงจัง
เมื่อเขาจากไปแล้วนางก็คิดถึงอยู่เช่นนั้น พวกเขาฝึกฝนวิทยายุทธด้วยกันและออกไปเล่นด้วยกัน แม้ว่านางจะยังเด็กมากแต่ตอนนี้เมื่อนึกถึงกลับกลายเป็นความชื่นชอบและความรักใคร่เอ็นดูของเขา และดูเหมือนว่านางจะให้ความหวังเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจโดยบอกเขาว่าสามารถรอเขาได้
ความรู้สึกของอวิ๋นหลัวฉวนในตอนนี้ราวกับกำเกลือเอาไว้ทั้งกำมือ ความเจ็บปวดเช่นนั้นทำให้นางรู้สึกหายใจติดขัด
ขณะที่มองดูอยู่เช่นนี้อ๋องตวนก็มาซะก่อน
เมื่อเห็นอ๋องตวนอวิ๋นหลัวฉวนก็สงบลงมาก เรื่องราวในครั้งนี้อวิ๋นหลัวฉวนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเรื่องบางอย่างไม่ควรเกิดขึ้นก็ไม่สมควรเกิดขึ้น เดิมทีนางก็ควรปฏิเสธการแต่งงานนี้ หากว่านางไม่แต่งงานกับอ๋องตวนแล้วรอจนกระทั่งจงชินอ๋องกลับมา เพื่อนางบางทีจงชินอ๋องอาจจะไม่กระทำเรื่องเช่นนี้ สุดท้ายแล้วจวินฉูฉู่เป็นพระชายาตวนและอยู่กับอ๋องตวนอย่างมีความสุข ส่วนนางเป็นพระชายาของจงชินอ๋องโดยที่จงชินอ๋องก็อยู่ดีมีสุข เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นเรื่องดีด้วย
เช่นนี้ในตอนนี้นั้นสิ่งของเป็นดังเดิมแต่คนกลับไม่ใช่คนเดิมแล้วทั้งสิ้น มันเป็นความผิดของนางเอง
"อ๋องตวน"
เมื่อเห็นอ๋องตวนอวิ๋นหลัวฉวนก็กล่าวทักทาย อ๋องตวนขมวดคิ้วรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง: "เห็นข้าแล้วรู้สึกผิดหวังหรือ?"
อวิ๋นหลัวฉวนย่อกายถวายความเคารพ: "ท่านอ๋องมาเพื่อส่งหนังสือหย่าหรือ?"
อ๋องตวนโมโหเจียนตาย วินาทีถัดมาอ๋องตวนหันกลับไปอย่างเย็นชา
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดกับอ๋องตวนจึงเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองไปยังศพที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตรงศาลาบนประตูเมือง เลือดนั้นท่วมนองซะจนตกตะลึง
นางค่อยๆสงบลงและไม่ได้กล่าวคำพูดใดๆเลย
อ๋องตวนยืนอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองอวิ๋นหลัวฉวนและเห็นว่านางหนาวจนเกือบจะตายแล้ว ไม่กี่วันที่เดิมทีนั้นอ้วนขึ้นมาเล็กน้อยกลับหายไปซะแล้ว
อ๋องตวนทุกข์ใจจนอยากจะดุด่าคน อ๋องเย่นั้นไม่มีเรื่องหาเรื่อง อยู่ดีๆเหตุใดจึงต้องนำร่างของหนานกงเซวียนเหอไปไว้ยังศาลาบนประตูเมืองด้วย ในเมืองหลวงนั้นไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องนี้เลย แม้แต่เด็กน้อยอายุสามขวบก็ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ มีแต่ทำให้จวนอ๋องตวนของพวกเขาลำบากไม่น้อยซึ่งมีเจตนาอันใดกัน?
อ๋องตวนปลดเสื้อคลุมบนกายแล้วสวมให้อวิ๋นหลัวฉวนจากนั้นอวิ๋นหลัวฉวนหันไปมองอ๋องตวน: “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”
สีหน้าของอ๋องตวนดูไม่ได้เลย: “มีสิ่งใดน่าขอบใจ เจ้าเป็นคนของข้าข้าเจ็บปวดใจต่อคนของตนเอง เหตุใดถึงต้องขอบใจด้วย?”
“……”อวิ๋นหลัวฉวนไม่ต้องการโต้เถียงกับอ๋องตวน นางหันไปมองศพของจงชินอ๋อง อ๋องตวนกังวลใจยิ่งนักและโหโหจนอยากจะพาอวิ๋นหลัวฉวนกลับจวนอ๋องตวนไปเลยโดยตรง แต่จนปัญญาที่เขาจะทนดูท่าทางอันหดหู่ใจของอวิ๋นหลัวฉวนนั้นได้ เขานั้นทนดูไม่ได้
นึกถึงในขณะที่จวินฉูฉู่ตายเขาก็เศร้าเสียใจเช่นกัน
เขายังรออยู่ครู่หนึ่งไม่ได้จากไปในทันที
ทั้งสองคนยืนอยู่เช่นนั้นแล้วรอจนกว่าคนจากจวนกั๋วกงจะมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ