ค่ำคืนนี้ทั้งสองคนพักอยู่ที่พระตำหนักหรงเต๋อ อาหารเย็นได้รับประทานร่วมกับองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเกร็งอึดอัด
พักหนึ่งคืนอาการของต้ากั๋วจิ้วดีขึ้นมากแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่ถึงได้กลับไปที่จวนอ๋องเย่
วันนั้นต้ากั๋วจิ้วก็ได้ออกจากพระราชวังและกลับจวนกั๋วกงเช่นกัน
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องมารักษาต้ากั๋วจิ้วถึงในพระราชวัง นับว่าโล่งอกอย่างมาก
แต่ทว่าร่างกายของหนานกงเย่กลับได้ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึง
หนานกงเย่กล่าวด้วยสีหน้าอึดอัดว่าเขามิเป็นไร
“ไม่มีผู้ใดกล่าวว่าท่านอ๋องเกิดเรื่อง นี่ไม่ใช่ว่าดีเหมาะสม!”ฉีเฟยอวิ๋นกังวลใจไม่ค่อยได้นอนทั้งคืน จนกระทั่งตำหนิตนเอง
หนานกงเย่อารมณ์ปะทุ โรคหัวใจมีมาตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่ได้ใส่ใจมาโดยตลอด กลับเป็นการประมาท
วันนี้เป็นเช่นนี้ เธอตำหนิตนเองหนักมาก
หนานกงเย่ไม่สามารถควบคุมหรือยุ่งวุ่นวายกับเธอได้มาก เลยจำเป็นต้องใช้การกระทำอย่างแท้จริงเพื่อพิสูจน์
หนานกงเย่ไม่พูดไม่จาทั้งวัน พอตกเย็นเขาต้องการไปพักที่สวนดอกกล้วยไม้ ฉีเฟยอวิ๋นไม่อนุญาต ต้องการให้เขาพักที่เรือนจวินจื่อ เพื่ออยู่ร่วมกันกับเหล่าลูกๆ และก็รู้สึกว่าอยู่ทางด้านนั้นรักษาบาดแผลจะเหมาะสมกว่า
เขาถือโอกาสตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยู่ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับแล้วกลับไปที่เรือนสวนดอกกล้วยไม้
ฉีเฟยอวิ๋นจัดการดูแลลูกๆแล้ว ส่งต่ออวิ๋นจิ่นเสร็จจึงได้กลับมาที่เรือนสวนดอกกล้วยไม้ เธอกลัวว่าโรคหัวใจของหนานกงเย่จะกำเริบ เลยเดินเร่งฝีเท้าอย่างว่องไว
พอมาถึงห้องหลักของสวนดอกกล้วยไม้ เธอได้ผลักเข้าไป
ด้านในไม่มีคน บนพื้นมีชุดวางอยู่ ห้องน้ำแร่เปิดออก มีกลิ่นอายความร้อนแผ่กระจายออกมาจากด้านใน เมื่อนึกถึงอาการของหนานกงเย่ที่ยังไม่ดี ฉีเฟยอวิ๋นสาวเท้าก้าวฉับๆเข้าไป จากนั้นกล่าวว่า“หนานกงเย่”
ห้องน้ำแร่ไม่มีคน ฉีเฟยอวิ๋นร้องตะโกนอยู่ด้านในว่า“หนานกงเย่.......”
เธอร้องอย่างต่อเนื่องอยู่สักพัก ฉีเฟยอวิ๋นมองเห็นกางเกงที่หนานกงเย่สวมใส่ด้านในอยู่ที่พื้น ฉีเฟยอวิ๋นเลยพุ่งกระโจนลงไปในน้ำ เพื่อที่จะไปหาหนานกงเย่ แต่ทว่าเธอกลับชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกว่าด้านหลังของเธอมีคน
เธอหมุนตัวมอง ภายในน้ำมีคนทะยานขึ้นมาหนึ่งคน ผมยาวสลวยอยู่บนไหล่
ชายหนุ่มไม่สวมใส่เสื้อผ้า ไหล่ทั้งสองข้างโผล่พ้นเหนือน้ำ บวกกับเอวสอบของเขา กล้ามเนื้อเป็นมัดรอน ฉีเฟยอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ชายผู้นี้เท่ห์มีเสน่ห์เหลือเกิน!
“ท่าน.....”
ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะอ้าปากเอ่ย ทันใดนั้นหนานกงเย่ได้เข้ามาสวมกอดเธอ เธอถูกวางไว้บนขอบไม้ ตัวนอนอยู่บนนั้น ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นตรง
“หนานกงเย่ ท่านอย่ามาลุ่มล่ามนะ ท่านมีโรคหัวใจต้องรู้ไว้ด้วย”
“.....”
วินาทีถัดมา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่ได้มีการทำสิ่งต่างๆตามสามัญสำนึกและสติสัมปชัญญะเลย ฉีเฟยอวิ๋นเวียนหัวตาลาย ร่างกายเริ่มกระเพื่อมไม่หยุด เวลานั้นก็ไม่รู้ว่าโยกย้ายไปแล้วกี่สถานที่ เปลี่ยนไปแล้วกี่ท่วงท่า จนถึงตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นถูกปล่อยในน้ำ เธอได้มองหนานกงเย่ ใบหน้าแดงก่ำ ปากของเธอแห้งผาก
หนานกงเย่นำคนขึ้นมาจากน้ำมาไว้ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่าครั้งนี้ของเขาจะจบสิ้นแล้ว แต่เขามีพละกำลังบึกบึนมากมาย เขาจูบสัมผัสร่างกายของเธอ ทำให้เธอไม่เชื่อฟัง ไม่เชื่อเขา!
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกน้อยใจกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม เธอจะรู้ได้อย่างไร้ว่าการแมะจับจ้องจะเกิดข้อผิดพลาด
“หม่อมฉันเชื่อ”ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยจนจะไม่ไหวแล้ว ผลักหนานกงเย่ออก แต่หนานกงเย่ไอ้อุ้มคนวางบนโขดหิน จากนั้นพัวพันฟัดเหวี่ยงอยู่ด้านบน
ค่ำคืนนี้ กำหนดไว้แล้วว่าเป็นค่ำคืนที่ฉีเฟยอวิ๋นนอนไม่หลับ จนถึงฟ้าสาง ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ถูกอุ้มไป
วันนี้ฉีเฟยอวิ๋นถูกรบเร้าจนกระดูกทั้งตัวกระจายแล้ว กลับกันกับหนานกงเย่ที่ช่วงเช้ามีภารกิจ ประมาณตีสามก็ไปแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้นอนเลย
ฉีเฟยอวิ๋นนอนถึงเที่ยงค่อยตื่นมา ไม่เห็นหนานกงเย่แต่ทว่ากลับนึกเรื่องของต้ากั้วจิ้วได้ เลยรีบผลัดเปลี่ยนชุดไปที่จวนกั๋วจิ้ว
ฉีเฟยอวิ๋นโอบกอดหีบยาไว้แล้วหลับไป
รถม้ามาถึงจวนกั๋วจิ้ว ฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า เธอปวดเอวแปลบ เกือบจะล้มหัวคะมำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ