เวยฉือไม่กล้าเข้าใกล้ จิ้งจอกขี้เหร่เป็นของจวนอ๋องเย่ นี่คือจิ้งจอกที่ปกป้องนายท่าน
เวยฉือรีบหันกลับมาเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นหมายความถึงว่ากำลังถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองราชครูจวินจึงได้กล่าวว่า: "ราชครูคิดว่าเรื่องในวันนี้เกิดสิ่งใดขึ้น?"
การตั้งคำถามเด้วยวาทศิลป์
ราชครูจวินหันกลับมาถาม: “พระชายาเย่มีสิ่งใดสอนสั่ง?”
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะอาละวาดจวินซือซือก็พุ่งเข้าประตูมาและตะโกนว่า: "ฉีเฟยอวิ๋นเจ้ากล้าที่จะสังหารคนในจวนเป่าจวิ้นของข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อฟ้องร้องเจ้า"
ขณะนี้ใบหน้าแก่ชราของราชครูจวินนั้นสั่นสะท้านแล้วจ้องเขม็งไปยังผู้ที่เข้ามาประตูมา ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นชัดเจนแล้ว
ราชครูจวินกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “สารเลว กล้าวางแผนชั่วร้าย เจ้าเบื่อหน่ายกับการมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”
ราชครูจวินกระโชกโฮกฮากทำให้จวินฉูฉู่ตกใจจนเซล้มลงไปก้าวหนึ่ง เห็นราชครูจวินก็รีบคุกเข่าลงโดยที่นางนั้นเกรงกลัวราชครูจวิน
ราชครูจวินมองไปยังจวินฉูฉู่ด้วยความโกรธ: "จวินฉูฉู่เจ้าทำเรื่องงามหน้านัก"
จวินฉูฉู่ไม่ยอม คิดว่าในเมื่อเรื่องถึงขั้นนี้แล้วหากว่าแพร่ออกไปก็ต้องขายหน้าเป็นแน่ จวนราชครูและอ๋องเย่อันสง่านั้นไม่มีผู้ใดสามารถเสียหน้านี้ได้
เช่นไรก็ตายจวินฉูฉู่คุกเข่าคำนับในทันที: "ท่านปู่ไว้ชีวิตด้วย ไว้ด้วยชีวิต ไม่ใช่ความผิดของหลาน เป็นอ๋องเย่ที่ดื่มจนเมาแล้วมายังจวนเป่าจวิ้น เขาบุกเข้าไปในลานเรือนของหลานแล้วอุ้มหลานเข้าประตูไปแล้วทำเรื่องระหว่างชายหญิงซึ่งหลานก็ไร้หนทาง หากว่าสามีกลับมาจะให้หลานมีชีวิตอยู่ได้เช่นไร?”
จวินฉูฉู่เริ่มร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา ใบหน้าแก่ชราของราชครูจวินสั่นเทา ใบหน้าแก่ชราของเขาขายหน้าหมดแล้ว เหตุใดตระกูลจวินถึงให้กำเนิดคนเหล่านี้
พอโมโหราชครูจวินก็ขึ้นไปเตะทีหนึ่ง เตะจนจวินฉูฉู่ล้มลงบนพื้นไร้กระดูกแหลกลาญซะแล้ว
จวินฉูฉู่ทนความเจ็บปวดอันแสนหนักหน่วงแล้วลุกขึ้นจากพื้น ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปดูหนานกงเย่และนั่งลงตรวจสอบร่างกายให้หนานกงเย่ เริ่มตรวจดูอาการแล้วก็พบว่าคนนั้นไม่มีสิ่งใดผิดปกติแต่ว่ามีกลิ่นมึนเมาออกมาจากร่างกายจริง
ฉีเฟยอวิ๋นนั้นเป็นกังวลเล็กน้อย ถูกนางแตะต้องตัวหรือเปล่านะ!
ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยผ้าม่านลงแล้วปลดกระดุมเสื้อผ้าของหนานกงเย่และเตรียมพร้อมตรวจร่างกาย หนานกงเย่จับมือที่กำลังถอดกางเกงของฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้ทันที ฉีเฟยอวิ๋นมองไปแล้วหนานกงเย่ก็ลืมตา ใช้สายตาส่งสัญญาณให้ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องกระทำแล้วมิฉะนั้นเขารับภาระหนักจะจัดการได้เช่นไร เรื่องของเขานั้นไม่สามารถจัดการได้ในเวลาอันสั้น
หนานกงเย่อยู่ในค่ายทหารมักได้ยินทหารบางคนกล่าวว่าเรื่องนั้นไม่สมดังปรารถนา ทุกครั้งยังไม่มีความสุขก็จบลงซะแล้ว ซึ่งคงจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นต่อหน้าภรรยาได้
ในตอนนั้นเขายังเด็กอยู่ซึ่งอายุสิบสองสิบสามปี เขาไม่เข้าใจความหมายในนั้น เมื่อถึงเวลาแต่งงานแล้วเขาถึงได้รู้เหตุผลในนั้น ที่แท้เป็นเรื่องเช่นนี้เอง
แต่เขานั้นเก่งกาจกว่าผู้คนเหล่านั้นมากนัก หากลำบากขึ้นมาก็ต้องใช้เวลามากกว่าอยู่บ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นดึงมือของหนานกงเย่ออกแล้วจ้องเขาเขม็งแล้วก็ถอดกางเกงออก เช่นไรก็ต้องตรวจสอบ
หนานกงเย่สูดหายใจเข้าลึกๆ กำที่นอนไว้ราวกับว่าถูกทรมานเจียนตาย
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบแล้วและมั่นใจว่าไม่ได้กระทำการมิควรใดๆจึงได้ปล่อยหนานกงเย่ไป จัดระเบียบเสื้อผ้าและกางเกงของเขาให้เรียบร้อย จากนั้นเปิดผ้าม่านออกแล้วเดินจากไป หนานกงเย่ใบหน้าแดงก่ำและบังคับกดร่างกายให้ลงแล้วนอนราวกับนอนหลับเช่นนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไปด้านนอก ราชครูจวินก็กำลังโมโหอยู่ในขณะนี้
“ท่านปู่ หลานก็ไม่มีหนทาง ตอนนี้หลานถูกบังคับให้กระทำเรื่องเช่นนี้จะมีหน้าพบเจอผู้คนได้เช่นไร ขอให้ท่านปู่ช่วยให้สมปรารถนาด้วย หากว่าพระชายาเย่ไม่รังเกียจเช่นนั้นหลานสามารถเป็นอนุได้ เพียงแค่สามารถรักษาชื่อเสียงของหลานเอาไว้ได้และเพื่อไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของจวนราชครู"
จวินฉูฉู่ร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา ราชครูจวินโมโหโทโส: "พวกเจ้ามานี่ซิ!"
เวยฉือเงยหน้าขึ้นเหลือบมองราชครูจวินแล้วกล่าวว่า: "พวกเจ้ามานี่!"
คนสองสามคนเข้าประตูมาแล้วราชครูจวินก็กล่าวว่า: "โบยสองร้อยที"
เวยฉือมองไป ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!
จวินฉูฉู่เงยหน้าขึ้นมองราชครูจวินด้วยความตกใจ: "ท่านปู่?"
“อ๋องเย่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ใช่ว่าจะเป็นผู้ที่หญิงสกปรกแต่งงานแล้วอย่างเจ้าจะเพ้อฝันได้ วันนี้พระชายาเย่ตรวจสอบแล้วดีที่อ๋องเย่มิได้ชื่อเสียงเป็นมลทินเพราะเจ้า หากเป็นมลทินแล้วจะให้ม้าห้าตัวแยกร่างและตายอย่างไร้ที่ฝังศพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ