ท่านอ๋องหย่งจวิ้นกล่าวว่า“ฝ่าบาท ก่อนที่กระหม่อมจะมา ได้จัดวางกำลังคนแล้ว หากเมืองอู๋โยวรุกรานเข้ามาที่ต้าเหลียงหนึ่งก้าว กองกำลังทหารที่อยู่ตามแนวชายแดนจะปกป้อง และจัดการเมืองอู๋โยวให้ราบเป็นหน้ากองพ่ะย่ะค่ะ”
“ความคิดจิตใจของอ้ายชิงทั้งหลายข้าไม่รู้ได้ที่ไหนกัน แต่เรื่องการบัญชาการทหารออกศึกไม่ใช่การละเล่น เมืองต้าเหลียงของข้าไม่ใช่เมืองต้าเหลียงเมื่อสิบปีก่อน หลายปีมานี้อหิวาตกโรคเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หากต้าเหลียงต้องสู้รบจริงเกรงว่าจะทำให้อาณาประชาราษฎร์ตกระกำลำบาก”
“ฝ่าบาท หากไม่สู้รบ ก็เป็นการแสดงออกว่าอ่อนแอ ยิ่งกว่านั้นเป็นดั่งเมืองต้าเหลียงของเราไร้ความสามารถนะพ่ะย่ะค่ะ!”
แม่ทัพหวาอายุมากแล้ว ปกป้องชายแดนมานับหลายปี สามารถพูดกล่าวได้ว่าทำงานลำบากเหน็ดเหนื่อย เปลี่ยนเป็นเขา เวลานี้ได้ถูกด่าไปนานแล้ว
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ลังเลใจสักครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า“ข้าขอคิด ทุกคนออกไปเถิด”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ลุกขึ้นเดินออกไป กลับไปหาฮองเฮาเฉินอวิ๋นชูทางด้านนั้น
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้นั่งลงและได้รอเฉินอวิ๋นชูเดินออกมาจากด้านในห้องพระ รอเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม ฮองเฮาก็ยังคงไม่ออกมา
ทุกวันฮองเฮาจะต้องท่องคัมภีร์หกชั่วยาม บทเรียนยามเช้าสองชั่วยาม
เรื่องขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้นางกำลังห่างไกลออกไป
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้นั่งอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นได้ลุกเดินไปที่พระตำหนักหรงเต๋อ
รอจนตอนที่ฮองเฮาออกมาพอดีกับที่องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ได้เดินไปแล้ว
มู่เหมียนไม่ได้คิดที่อยากจะกล่าวถามเรื่องของเมืองอู๋โยวเลย เป็นฝ่าบาทที่กล่าวถามนางเองว่าทำสิ่งใดผิดหรือไม่
มู่เหมียนนั่งบนขาขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้ ภายในห้องไร้ผู้คน ความกล้าหาญเลยมีมาก
“ฝ่าบาทมีความอึดอัดใจของฝ่าบาท พวกเขามีความกังวลของพวกเขา ไม่มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันและปรึกษากันมาก่อน ไม่มีสิ่งใดที่น่าเป็นทุกข์เพคะ”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้มองมู่เหมียนที่อยู่ในอ้อมกอด และตรัสด้วยความขบขันว่า“เจ้ามองได้ทะลุปรุโปร่งมาก”
“แน่นอนว่าต้องทะลุปรุโปร่งเพคะ ถึงอย่างไรเกี่ยวข้องถึงฝ่าบาท ก็ยังต้องพิจารณา”
“เช่นนั้นหากเป็นมู่เหมียนเล่า?”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสด้วยความแปลกใจ และนำมู่เหมียนแนบสนิทเข้า
มู่เหมียนจูบสัมผัสองค์จักรพรรดิอวี้ตี้อย่างไม่เขินอายเลยแม้แต่น้อย องค์จักรพรรดิอวี้ตี้คล้ายดั่งคุ้นชินแล้ว เลยลูบสัมผัสร่างกายของมู่เหมียนอย่างแผ่วเบา
มู่เหมียนกล่าวว่า“ทำได้เพียงกล่าวว่าเรื่องราวไม่เกี่ยวกับตนเองเพคะ จะไม่มีสถานการณ์คับขันชั่วคราว หม่อมฉันยังไม่ได้ให้กำเนิดบุตร ไม่ได้กังวลสิ่งใดมากเพคะ”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ปล่อยมือ แล้วกล่าวว่า“ข้าไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน!”
มู่เหมียนลุกขึ้นเดินไปหนึ่งอีกด้าน จัดการกับชุดคลุมที่โปร่งกว้างกล่าวขึ้นว่า“เหตุใดฝ่าบาทต้องทำเยี่ยงนี้เพคะ?นี่ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้สู้รบหรือเพคะ ไม่ใช่ว่ายังไม่ได้เจอหรือเพคะ?
ต่อให้เกี่ยวดองอภิเษกสมรสจริงแล้วอย่างไรเพคะ ก็สามารถเลิกแล้วอย่างสบายใจ เหตุใดราชวงศ์หม่อมฉันถึงไม่มีองค์หญิง หากเป็นจวิ้นจู่ล้วนอยู่ท่ามกลางจงชิน
พวกเขาต้องการเกี่ยวดอง พวกเราก็ต้องมีคน
ปฏิเสธแล้วจะอย่างไรเพคะ?
พวกเขาต้องการสู้รบ รบร่วมกันก็จบเพคะ”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ขมวดคิ้วมอง และตรัสว่า“อายุเพียงน้อยนิด แต่ลักษณะของเจ้าช่างแตกต่าง”
“ฝ่าบาท ใจของพระองค์ทราบดีเพคะ หากไม่มีคนชื่นชมพระองค์ถึงจะทุกข์ใจ วันนี้พระองค์ยิ้มเข้ามา ชัดเจนว่ามีความสุขอย่างมาก ตั้งแต่สองวันมานี้เมืองอู๋โยวได้เริ่มเชื้อเชิญเกี่ยวดอง วันไหนเป็นวันที่นอนพลิกไปพลิกมาจะตายแล้ว !ไม่ใช่ว่านอนไม่หลับ”
“....”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสด้วยสีหน้าอึมครึมว่า“หยุดกล่าววาจาเลอะเทอะ”
“เช่นนั้นไม่กล่าวก็จบเพคะ”
มู่เหมียนยกชาขึ้นมาดื่ม องค์จักรพรรดิอวี้ตี้มองมู่เหมียนด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าจะเห็นความแข็งแกร่งดึงดูดคนของคนคนหนึ่ง
“มาหาข้าตรงนี้”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้เรียกนาง มู่เหมียนลุกขึ้นไปนั่งลง องค์จักรพรรดิอวี้ตี้มองนางอย่างละเอียดถี่ถ้วน
จากนั้นได้จูบสัมผัสนาง
มู่เหมียนยิ้ม อิงแอบบนไหล่ขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้ แล้วขาทั้งสองกวัดแกว่งขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นได้รับข่าว สีหน้าเปลี่ยน เธออุ้มลูกโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมา
อวิ๋นจิ่นกล่าวว่า“นายท่าน ท่านว่าครั้งนี้ต้องดำเนินการหรือไม่เพคะ?”
“ใหญ่ไม่เท่าฝ่าบาทแล้วจะหาผู้ใดดำเนินการหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นก้มลงมองเจ้าห้าที่ลืมตามองเธอ เธอยิ้มให้เจ้าห้าแล้วกล่าวว่า”ท่านพ่อของเจ้าเก่งกล้า รู้อย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่โชคร้าย ยังจะยืนกรานไปทำ เขาทำเพื่อพวกเจ้า เขาทำเพื่อเมืองต้าเหลียง”
เจ้าห้าหลับตาลง ไร้ความสุขเป็นอย่างมาก
ช่วงเวลาดึกดื่น มีฝูงอีกาบินโฉบอยู่เหนือพระราชวัง เป็นล้านตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ