ไม่นานบรรดาหมอหลวงก็มาถึงตำหนักเฉาเฟิ่ง ไห่กงกงกลับมารายงานหลังจากสอบถาม และเป็นความจริงที่ว่าพวกเขาเริ่มให้ยาบำรุงแก่พระพันปีเมื่อครึ่งปีที่ก่อน และได้มีการบันทึกไว้
ไห่กงกงส่งคนไปเอาสมุดที่มีการบันทึกไว้มาให้พระพันปีดู ในนั้นไม่เพียงแต่บันทึกว่าใช้ยาเมื่อใด แต่ยังบันทึกว่าใช้มากน้อยแค่ไหน และช่วงเวลาใดของวัน
หลังจากพระพันปีทรงดูสมุดเล่มนั้นแล้ว สีหน้าก็ทรุดลง และโยนสมุดเล่มนั้นทิ้งไป
“พวกไร้ประโยชน์”
“พระพันปีได้โปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ ต้องระวังพระวรกายด้วย”
ไห่กงกงรีบปลอบโยน ในเวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร
“พระชายาเย่ ในความคิดของพระองค์ ควรจะทำอย่างไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ?” พระพันปีสงบลง แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล้าพูดว่า:“กราบทูลเสด็จแม่ หม่อมฉันสามารถเพิ่มตัวยาได้เพคะ ส่วนโสมหม่อมฉันคิดว่าควรเสวยทุกเช้าหลังอาหาร โดยใช้โสมสามแผ่นนำไปชงเป็นชาเพคะ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบำรุงเสด็จแม่ แต่ยังทำให้เสด็จแม่มีกำลังวังชาด้วยเพคะ และเพิ่มชะเอมเทศ เพื่อทำให้เสด็จแม่อบอุ่น และในอีกสามวันหลังจากนี้ เสด็จแม่ก็น่าจะบรรทมได้ตามปกติเพคะ”
“เช่นนั้นหรือ?” พระพันปีมองไปที่ไห่กงกง
ไห่กงกงรีบกล่าวว่า:“พระชายาเย่ พระองค์รีบสั่งยาเถอะพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย”
“ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปเขียนใบสั่งยา และยื่นให้ไห่กงกง ไห่กงกงไปจัยาด้วยตัวเอง และฉีเฟยอวิ๋นก็ไปต้มยาด้วยตัวเองเช่นกัน ยานี้เสร็จออกมาในตอนกลางคืน
ก่อนที่พระพันปีจะเสวยยา ไห่กงกงก็ลองชิมดูก่อน และตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไร จากนั้นพระพันปีจึงเสวยยา
ในตอนกลางคืน ฉีเฟยอวิ๋นเฝ้าอยู่นอกห้องบรรทม พระพันปีทรงพักผ่อนก่อน ไห่กงกงเห็นว่าทรงพักผ่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่วางใจ จึงจะไปเฝ้าอยู่ข้างหน้าตามคำสั่งของพระพันปี เมื่อแน่ใจว่าทรงหลับสนิทแล้วก็เดินออกมาจากห้องบรรทม และเมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รีบเข้ามาพูดคุย
“พระชายาเย่ ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!” ไห่กงกงกล่าวพร้อมกับยกนิ้วให้
“กงกงยกย่องเกินไปแล้ว ข้ามีความรู้เพียงแค่ผิวเผิน กงกง ดูจากร่างกายของท่านแล้ว น่าจะจะเป็นบุตรคนสุดท้องในบ้านใช่หรือไม่?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีอะไรทำและนอนไม่หลับ
“พระชายาเย่เก่งมากจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่ไม่ใช่กระหม่อมที่ครอบครัวยากจน และไม่มีอันจะกิน แต่เมื่อเข้ามาในวังก็จำความทนทุกข์ทรมานเหล่านั้นไม่ได้แล้ว วันนี้กระหม่อมเพิ่งรู้ว่าร่างกายของกระหม่อมไม่ค่อยดี เป็นเพราะพ่อแม่ให้กำเนิดช้าเกินไป เหอะเหอะ……”
ไห่กงกงหัวเราะเยาะขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“กงกง ความจริงแล้วโสมเป็นยาบำรุงที่ดี หากร่างกายอ่อนแอ สามารถตุ๋นซุปกินได้ทุกวัน และตุ๋นกับไก่เป็นอาหารก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโสมที่มากกว่าสิบปีขึ้นไป การกินเนื้อโสมไม่เป็นการบำรุงมากเกินไป เและยังช่วยยืดอายุได้อีกด้วย”
“หา?” ไห่กงกงอ้าปากค้าง เบิกตากว้าง และมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเสริมว่า:“มันแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่นเดียวกับที่กงกงกล่าวว่าครอบครัวยากจนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน มันเทียบกันไม่ได้เลย สารก่อนกำเนิดไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องบำรุงหลังกำเนิด”
“บ่าวขอบพระทัยพระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ”
ไห่กงกงรีบเช็ดหางตาของเขาอย่างรวดเร็ว เขาดูเหมือนเด็กที่น่าสงสาร
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้พูดอะไร และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ทั้งสองยืนอยู่ที่นั่นสักพัก เมื่อไห่กงกงกลับไปดูแลพระพันปีแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงกางแขนออกดูแสงจันทร์ จะเห็นเส้นแนวเส้นลมปราณปรากฏขึ้นบนแขน และมีบางอย่างที่อยู่ในเส้นลมปราณกำลังดิ้นไปมา
ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงสิ่งนี้อย่างละเอียด นางได้รับสิ่งนี้มาบนตัว ตอนที่นางอยู่ในรถม้าอย่างแน่นอน
ก่อนที่นางจะขึ้นรถก็ยังดี ๆ อยู่ เช่นนั้นก็คงเป็นตอนที่อยู่ในรถม้า
แต่หนานกงเย่ไม่มีทางใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ ผู้ชายคนนั้นมักจะลงมือต่อหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว โลกนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ
ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอายุยืนถึงร้อยปีหรือไม่
หลังจากปล่อยมือ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้ว่าสิ่งนี้ถูกระงับไว้ชั่วคราวบนแขนของนาง และใช้เข็มเงินผนึกการเคลื่อนไหวไว้ ชีวิตของนางยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย
หลังจากยืนมาทั้งคืน พระพันปีก็ทรงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงไปพักผ่อน
และนอนหลับตลอดทั้งเช้า ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและไปเข้าเฝ้าพระพันปี และพบว่าหนานกงเย่นั่งอยู่ข้าง ๆ พระพันปี
“หม่อมฉันคารวะเสด็จแม่ คารวะท่านอ๋องเพคะ ” ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะคุกเข่าลง แต่ก็ถูกพระพันปีเรียกให้หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ