อ๋องตวนเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า:“การยืมเงินไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เงินในสำนักการเงินของเราดอกเบี้ยต่ำ ตามดอกเบี้ยปัจจุบัน เงินหนึ่งพันตำลึงคิดเป็นดอกเบี้ยหนึ่งตำลึงต่อวัน เงินห้าล้านตำลึงก็ดอกเบี้ยห้าพันตำลึงต่อวัน หากหนึ่งเดือนจะเป็นเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง แต่หากเป็นหนึ่งปีก็จะเป็นหนึ่งล้านแปดแสนตำลึง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเจ้าหอเฟิงยืมเงินห้าล้านตำลึง เช่นนั้นปีหน้าก็จะต้องคืนเงินหกล้านแปดแสนตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ เลย เพื่อที่จะเตรียมสินเดิมให้ฝ่ายหญิง ต้องสิ้นเปลืองเงินเช่นนี้เชียวหรือ!”
“ท่านอ๋องทรงตรัสเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ แม้ว่าครอบครัวของหม่อมฉันจะไม่มีเงิน แต่ตอนที่หม่อมฉันแต่งงาน สินเดิมก็มีมากมาย” อวิ๋นหลัวฉวนไม่พอใจ
แน่นอนว่าอ๋องตวนไม่ได้ดูถูกดูแคลนสินเดิมของอวิ๋นหลัวฉวน เขาเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนและกล่าวว่า:“ก็ใช่”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเฟิงอู๋ชิง:“เจ้าหอเฟิงเห็นว่าอย่างไร?”
“เงินไม่ใช่ปัญหา ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข้าไม่มีเงินอยู่ในมือเลยจริง ๆ แต่อีกไม่กี่เดือนก็คงมีเงินมากพอ ท่านนำเงินออกมาก่อน แล้วข้าจะเขียนหลักฐานให้!”
เดิมทีเฟิงอู๋ชิงไม่ได้สนใจเงิน เงินแค่ไม่กี่ล้านตำลึง ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า:“เช่นนั้นข้าจะนำกระดาษและเครื่องเขียนมาให้!”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นแล้วออกไปข้างนอก ไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกระดาษและเครื่องเขียน จากนั้นก็วางลงข้างหน้าเฟิงอู๋ชิง เขาลุกขึ้นและเขียนหลักฐานการยืมเงินด้วยตนเอง จากนั้นก็เขียนชื่อลงไปด้วย
หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เขียนชื่อลงไปเช่นกัน และนำโฉนดที่ดินของจวนอ๋องเย่มาให้อ๋องตวนดู จากนั้นอ๋องตวนก็ลุกขึ้นและกลับไปเตรียมเงิน ฉีเฟยอวิ๋นจึงส่งเขาออกไป
เมื่อออกไปแล้ว อ๋องตวนก็เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและถามว่า:“จะไปหาเงินมาจากไหน?”
“ท่านอ๋องตวน พระองค์รีบเข้าไปหาท่านอ๋องในวังเดี๋ยวนี้เลยเพคะ ในเวลานี้เขาน่าจะอยู่ในวังและยังไม่ได้กลับมา แม้ว่าเงินหนึ่งล้านแปดแสนตำลึงจะไม่มาก แต่ก็มากสำหรับพวกเรา หากเฟิงอู๋ชิงไม่คืนเงินให้หม่อมฉัน ปีหน้าก็จะเป็นเงินสิบล้านตำลึง”
อ๋องตวนเลิกคิ้ว เพื่อเฟิงอู๋ชิงผู้นั้นแล้วไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย เขาจะต้องสูญเสียเงินไปห้าล้านตำลึงในหนึ่งปี
“ก็ดี ข้าจะเข้าไปในวัง”
ฉีเฟยอวิ๋นเฝ้ามองอ๋องตวนและอวิ๋นหลัวฉวนจากไป จากนั้นก็กำลังจะหันหลังกลับไป และอวิ๋นเซวียนอี้ก็มา
ตระกูลอวิ๋นมากันไม่น้อยเลย แน่นอนว่าการมาสู่ขอจะทำส่งเดชไม่ได้ ส่วนสินสอดที่นำม่ก็มีแต่กล่องใหญ่ ๆ แต่จวนกั๋วกงไม่ได้มั่งคั่ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าคิดเลยว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคืออะไร
ฉีเฟยอวิ๋นเชิญเว่ยหลินชวน อวิ๋นหลัวฉาย และคนอื่น ๆ เข้าไปด้วยถ้ายคำที่มีพิธีรีตอง คราวนี้ผู้ที่มาสู่ขอเป็นเว่ยหลินชวนและภรรยา พร้อมด้วยอวิ๋นเซวียนอี้
ในเวลานี้อู๋กั่วก็ได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินว่าผู้ที่จะมาสู่ขอมาถึงแล้ว นางก็รีบออกไปต้อนรับ
เมื่อผู้คนเดินเข้ามา เฟิงอู๋ชิงก็ลุกขึ้นแล้วนั่ง
เว่ยหลินชวนและภรรยาของเขาสุภาพเรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มพูดถึงเรื่องการสู่ขอ
อวิ๋นเซวียนอี้และอู๋กั่วต่างก็เต็มใจ ทั้งสองไม่มีข้อโต้แย้ง ดังนั้นพวกเขาจึงพูดคุยกันเรื่องสินสอด อู๋กั่วเพิ่งรู้ว่าจวนกั๋วกงเป็นสถานที่สะอาด และไม่ได้มีเงินมากมาย พวกเขาล้วนแต่อาศัยเบี้ยหวัด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินจำนวนมากมาเป็นสินสอด
นางจึงถือโอกาสกล่าวว่า:“ข้าไม่ได้ชอบเงิน จะให้เท่าไหร่ก็ได้ ลูกหลานของชาวยุทธภพ ไม่ได้ร้องขอความฟุ้งเฟ้อเหล่านั้น”
หัวใจของเฟิงอู๋ชิงสั่นสะท้าน ไม่ได้ร้องขอ แต่ก็ต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“นี่เป็นสิ่งที่พวกเรากำลังจะพูด วันนี้จวนกั๋วกงนำสินสอดมาไม่มากนัก แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อแม่นางอู๋กั่วอย่างไม่ยุติธรรมได้ และยิ่งต้องแสดงความจริงใจ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เหล่าผู้อาวุโสของจวนกั๋วกงได้จัดเตรียมไว้ เจ้าหอเฟิงได้โปรดรับไว้!”
อวิ๋นหลัวฉายพาพ่อบ้านของจวนกั๋วกงมาด้วย ซึ่งสามารถพูดได้ดี
เมื่อเปิดกล่อง เป็นเครื่องประดับหนึ่งกล่อง ผ้าไหมหนึ่งกล่อง อาวุธหนึ่งกล่อง เครื่องเขียนหนึ่งกล่อง และโฉนดที่ดินสองฉบับ
อู๋กั่วมองดูและหยิบดาบขึ้นมา แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับดาบของนาง เมื่อคิดว่าจวนกั๋วกงทุ่มเทที่จะมาสู่ขอ นางก็พอใจมาก
และนางก็ไม่ได้แต่งงานเพื่อเงิน
อู๋กั่วกล่าวว่า:“นายท่าน ข้าชอบสินสอดเหล่านี้มาก”
“เช่นนั้นก็รับไว้เถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ