องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 6

บทที่ 6 เกลียดอาอวี่ของเขา

อวิ๋นเอ๋อร์กัดฟันแน่น : "แน่นอนสิ!"

ทั้งสองมักจะขัดแย้งกันเสมอ อีกอย่างเฉินอวิ๋นเอ๋อร์เป็นสตรีที่ปราดเปรื่องอันดับหนึ่งในเมืองหลวง อย่าว่าแต่ฉีเฟยอวิ๋นเลย นางไม่ได้สนใจแม้ว่าจะเป็นหญิงผู้ที่มากความสามารถก็ตาม

ฉีเฟยอวิ๋นกวาดตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นหนานกงเย่ นางจึงเดินย้อนกลับไป

"แล้วจะประลองยังไง?"

ฉีเฟยอวิ๋นเองไม่ได้อยากจะอยู่สั่งสอนเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ เพียงแต่ว่าหากนางไม่ยอมประลอง นางก็จะไม่ได้ไปง่ายๆ

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์จัดระเบียบชุดกระโปรงของนาง เดินเข้าไปอย่างช้าๆ กลุ่มฝูงชนต่างพากันกล่าวคำชมไม่ขาดสาย : "คุณหนูตระกูลเฉินเป็นสตรีที่อ่อนโยนและมีคุณธรรม เจ้าดูท่าทีที่แม่นางเดินสิ อิริยาบถสง่างามมาก แล้วพวกเจ้าลองดูอีกคน ราวกับคนตัดฟื้นก็ไม่ปาน"

ผู้คนที่ล้อมรอบอยู่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของฉีเฟยอวิ๋นเลยแม้แต่นิด ต่างพากันหัวเราะเสียงดัง

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเอือมระอาเต็มที ผู้หญิงในศตวรรษที่21ชอบแย่งผู้ชาย เพื่อผู้ชายแล้ว ยอมได้แม้กระทั่งตัดเพื่อนสนิททิ้ง มาถึงที่นี่แล้ว ก็ยังจะเป็นอย่างนี้

ชั่งน่าขำ บุรุษเพศก็แค่มีขาที่สามเกินออกมาก็เท่านั้น จะมีอะไรดีนักเชียว?

เมื่อเดินมาถึงตรงกลาง ฉีเฟยอวิ๋นกวาดตามองไปรอบๆ มีโต๊ะสี่ตัววางอยู่รอบข้าง โคมไฟที่ถูกยกขึ้นสูงในความมืด เพียงพอที่จะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนโต๊ะได้อย่างชัดเจน

บนโต๊ะทั้งสี่นี้มีสิ่งของสี่สิ่งด้วยกัน ประกอบไปด้วย พิณ หมากล้อม หนังสือและวาดภาพ ฉีเฟยอวิ๋นดูแล้วก็เข้าใจได้ในทันที

"พระชายาเย่ เชิญเจ้าเลือกก่อน" เฉินอวิ๋นเอ๋อร์พูดขึ้นน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ฟังน้ำเสียงออกได้ไม่ยากว่ากำลังดูถูกฉีเฟยอวิ๋นอยู่

"เรื่องเลือกก็ไม่ต้องแล้วล่ะ คุณหนูเฉินเป็นสตรีที่ปราดเปรื่องอันดับหนึ่งของเมืองหลวง คนมากจะยุ่งยากเอา เราประลองกันสองคนดีกว่า ตัดสินในประโยคเดียวว่าแพ้หรือชนะ"

"เจ้าอยากประลองศิลปะสี่ทั้งประเภทกับข้าตามลำพังรึ?" เฉินอวิ๋นเอ๋อร์นึกแล้วจะอยากขำ

"ไม่ได้รึ?" ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว มองไปยังเฉินอวิ๋นเอ๋อร์

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์หัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ : "ปกติเห็นเจ้าถือแต่ดาบจับแต่มีด ไม่นึกว่าเจ้าจะรู้เรื่องพวกนี้ด้วย"

"เป็นหรือไม่เป็น เดี๋ยวประลองแล้วก็รู้เอง คุณหนูเฉิน เชิญ หมากล้อมที่ข้าตั้งเรียง คุณหนูเฉินเพียงแค่ปลดมันก็พอ"

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวไปหยิบลูกหมากล้อมสีดำมาหนึ่งกำมือ แล้ววางลงบนกระดานหมากล้อม ขยับนิ้วพลิ้วไหวอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็ตั้งหมากล้อมเสร็จเรียบร้อย

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้สนใจอะไรมาก พาผู้คนเดินเข้าไปดูกระดานหมากล้อม อยากดูเกมหมากล้อมของนักศิลปะการต่อสู้ฉีเฟยอวิ๋น ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นยังไง

แต่เมื่อนางเดินมาถึงหน้ากระดานหมากล้อม สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นอึ้งไปทันที!

โจวเหม่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังดูไม่เป็น นางกำลังยื่นมือออกไป แต่โดนเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ปรามไว้ : "อย่าขยับ"

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย นางหมุนตัวไปทางอื่น หยิบพู่กันขึ้นมา นางเขียนตัวหนังสือเพียงตัวเดียวด้วยท่าทีที่พลิ้วไหวและแนบเนียน

ผู้คนต่างพากันเข้าไปดู แต่กลับมองไม่ออกว่าคือตัวอะไร คำคำนี้คือคำว่า "ดี"

"นางเขียนอะไรน่ะ?"

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เองก็หันไปมองตาม สีหน้าของนางก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ อักษรดูทรงพลัง ราวกับมังกรแหวกไหว้อยู่เหนือเมฆ แม้แต่ท่านพ่อของนางเองก็ยังไม่สามารถเขียนออกมาแบบนี้ได้

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปยังโต๊ะถัดไป นางมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จุ่มมือลงไปในน้ำหมึกสีดำ แล้วก็ใช้มือวาดภาพภาพหนึ่งลงบนกระดาษ

เมื่อวาดเสร็จแล้ว ก็เดินไปยังด้านหน้าของพิณ เริ่มบรรจงดีดพิณทั้งห้านิ้ว เสียงพิณน่าตกใจเสียจนนกน้อยและสัตว์ป่าพากันกรีดร้อง

ถึงแม้จังหวะจะค่อนข้างยุ่งเหยิง แต่เสียงพิณกลับลื่นไหลเป็นธรรมชาติดุจสายน้ำ เมื่อสดับฟังแล้ว ราวกับว่ากำลังทะยานอยู่เหนือเมฆ ผู้คนที่ได้ฟังท่วงทำนองนี้ ก็รู้สึกว่า

เหมือนไปอยู่อีกโลกโลกหนึ่ง

แต่ ดนตรีที่เสียงดังกระหึ่ม แต่จู่ๆ ก็หยุดไป!

ผู้คนต่างพากันประหลาดใจ แต่พอมองอีกครั้งฉีเฟยอวิ๋นกลับหายไปแล้ว

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เหมือนตื่นจากฝัน หมุนตัวไปรอบๆ เพื่อมองหาฉีเฟยอวิ๋น ราวกับว่าตัวนางเองกำลังฝัน สิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า แผ่นกระดาษฉีกขาด กระดานหมากล้อมแหลกเป็นจุณ แม้แต่พิณอย่างดีคันนี้ ก็แตกหักเช่นกัน!

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์หมุนตัวตามหาฉีเฟยอวิ๋นด้วยความรีบร้อน แต่นางได้หายไปตั้งแต่แรกแล้ว ผู้คนต่างพากันคิดไปต่างๆ นานา ราวกับฝันไม่มีผิด ได้เห็นมันกับตา แต่กลับไม่หลงเหลืออะไรเลย!

"เมื่อครู่นี้เป็นฉีเฟยอวิ๋นใช่หรือเปล่า?"

มีคนอดไม่ได้จึงถามขึ้น เฉินอวิ๋นเอ๋อร์หมุนตัวกลับมา แววตาคมกริบ คนผู้นั้นจึงปิดปากเงียบไม่กล้าพูดกล่าวอะไรออกมาอีกเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ