ฉีเฟยอวิ๋นจึงขึ้นไปบนรถม้าและเห็นคนที่อยู่ในรถม้า หนานกงเย่กำลังนอนอยู่ในนั้น ศีรษะของเขาได้รับบาดเจ็บ เขานอนอยู่ในรถม้าราวกับว่าไม่สามารถขยับได้ และไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ รถม้าค่อนข้างทรุดโทรม เขารูปร่างกำยำและนอนแผ่อยู่ ทำให้ดูไม่สมดุลกันมากนัก
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปนั่งข้างใน ใบหน้าของนางยิ้มแย้ม:“ท่านอ๋องออกมาได้อย่างไรเพคะ?”
“หากข้าไม่ออกมา แล้วเมื่อไหร่อวิ๋นอวิ๋นจะกลับไป?” ความหมายก็คือเขากังวลว่าจะไม่สามารถกลับไปได้
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าหนานกงเย่เป็นห่วงนาง จึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก และรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ
เมื่อรถม้ากลับไปแล้ว หนานกงเย่ก็ดึงฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ในรถม้ามีผ้าห่มอยู่ แต่ก็ยังหนาวมาก รถม้ามีขนาดเล็กและไม่ได้มีการเตรียมการที่มากพอ ดังนั้นจึงรู้สึกหนาว
โดยปกติแล้วจะมีพื้นที่กว้างพอที่จะวางเตาอั้งโล่สองเตา แต่วันนี้ไม่มีเตาอั้งโล่เลยสักเตา และพื้นที่ก็แคบอยู่แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นถูกกอดไว้ และหนานกงเย่ก็ถูกห่อด้วยผ้าห่ม
ในขณะที่กอดหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกขบขัน:“ลงไปเดินเล่นเสียยังดีกว่า”
“กอดกันเถอะ อีกสักพักก็อุ่นแล้ว หากลงไปใครเห็นเข้าจะยุ่งยาก”
ฉีเฟยอวิ๋นส่งเสียงอืม และทั้งสองก็กอดกันกลับไป
รถม้าจอดอยู่ไม่ไกลจากจวนอ๋องเย่ ทั้งสองลงมาจากรถม้าและเดินกลับมาที่จวนอ๋องเย่ด้วยกัน
หลังจากนั้นหนานกงเย่ก็ไปรับฉีเฟยอวิ๋นทุกวัน ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาแต่เช้า หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว นางก็ออกไป เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน จนอาการป่วยของฮูหยินเสนาบดีดีขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นชี้แจ้งแม่นมซุยและทิ้งยาไว้ให้เพียงพอ
“วันนี้ข้าต้องไปแล้ว และต่อไปคงจะไม่ได้กลับมาอีก” นอกเหนือจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้พูดอะไรและออกไป
ฮูหยินเสนาบดีเฝ้ามองฉีเฟยอวิ๋นจากไป นางรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างสุดจะพรรณนา
นางไม่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นจะช่วยเหลือ
เมื่อนึกถึงความคิดที่นางต้องการจะทำร้ายฉีเฟยอวิ๋นแล้ว ฮูหยินเสนาบดีก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
“เจ้ากลับไปบอกนายท่านเถอะว่าข้าไม่เป็นไรแล้ว นายท่านจะได้สบายใจ ตั้งแต่นี้ต่อไปข้าจะไม่กลับไปที่นั่นแล้ว”
แม่นมซุยปฏิบัติตามคำสั่ง และกลับไปบอกเสนาบดีเฉิน
หลังจากที่เสนาบดีเฉินรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว ในคืนนั้นเขาก็ออกไปจากจวน และไปที่ขอพบฉีเฟยอวิ๋นที่จวนอ๋องเย่
เมื่อได้ยินว่าเสนาบดีเฉินมา ฉีเฟยอวิ๋นก็ให้อาอวี่ไปบอกเสนาบดีเฉินว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานางเป็นหวัด และไม่สะดวกที่จะพบ หากมีเรื่องอะไรค่อยมาใหม่วันหลัง
เสนาบดีเฉินรออยู่สามชั่วยาม และข้างนอกอากาศหนาวเย็น ถึงอย่างไรเขาก็อายุมากแล้ว และยังไม่ทันได้พบฉีเฟยอวิ๋น เขาก็เป็นลมล้มลง
ฉีเฟยอวิ๋นจึงออกมาและตรวจอาการดู เขาเพียงแค่เป็นลมไปเท่านั้น และไม่ได้เป็นอะไร
“อาอวี่ เจ้าส่งเสนาบดีเฉินกลับไป และบอกว่าข้ากับท่านอ๋องออกไปข้างนอกแล้ว และไม่ต้องมาอีก” หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นสั่งอย่างชัดเจนแล้ว นางก็กลับไปที่สวนดอกกล้วยไม้ และอาอวี่ก็ส่งเสนาบดีเฉินกลับไป
เพื่อไม่ให้เสนาบดีเฉินกลับมาอีก ฉีเฟยอวิ๋นจึงวางแผนที่จะออกไปหลบข้างนอกสักสองสามวัน
“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงตรัสว่าจะไปที่ชายแดนมิใช่หรือเพคะ เช่นนั้นพระองค์ทรงเขียนจดหมายถึงท่านอ๋องตวน แล้วให้เขาได้แสดงความสามารถในการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จากนั้นพวกเราไปที่ชายแดนกัน ดีหรือไม่เพคะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าไว้ในอ้อมแขน นางไล่ตามเจ้าเสือน้อยที่อยู่บนพื้น และมีอีกาตัวหนึ่งเกาะอยู่บนไหล่ของนาง
หนานกงเย่ดื่มชาแล้วลุกขึ้น:“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
หนานกงเย่อุ้มบุตรชายคนสุดท้องไปที่เรือนจวินจื่อ และอวิ๋นจิ่นก็ออกมาพอดี เขาจึงฝากฝังบุตรไว้ จากนั้นหนานกงเย่ก็พอฉีเฟยอวิ๋นจากไปและสั่งว่า:“หากราชสำนักมีอะไรก็บอกว่าข้าไม่มีความผิดที่จะถูกเฆี่ยนตี และลาออกไปพเนจร”
ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเป็นขบขัน เขาตัดสินใจเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่รอให้นางพูดว่าไปเท่านั้น
อวิ๋นจิ่นถอนสายบัว เจ้าห้าหันไปมองทั้งสองคนที่ทิ้งเขาไว้ และหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้
ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามไป เมื่อขึ้นไปบนรถม้า นางก็พบว่าได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว แม้แต่ตำราก็ใส่ไว้ในกล่องด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ