หนานกงเย่ฟังอยู่ด้านในประตู ใจร้อนเหลือล้น
เขาไปเปลี่ยนชุด แล้วเรียกฉีเฟยอวิ๋นอยู่ด้านใน“อวิ๋นอวิ๋น”
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับไป ปิดประตูแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง”
“ชุดของข้าทำได้ไม่ดีเลย ทำให้ข้าหน่อย”หนานกงเย่ทำได้ไม่ดีจริงๆ ยิ่งทำยิ่งรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว
ฉีเฟยอวิ๋นหน้านิ่งคล้ายดั่งตำหนิกล่าวโทษเดินไปหาหนานกงเย่ จากนั้นออกแรงดึงเสื้อผ้า
หนานกงเย่หัวเราะตลกขบขันมองฉีเฟยอวิ๋น เขาถูกฉีเฟยอวิ๋นดึงทึ้งจวนจะล้มแล้ว และเขายังใช้มือโอบประคองเอวฉีเฟยอวิ๋นด้วย
ทั้งสองคนไม่พูดเยอะ พูดแล้วก็ล้วนเป็นการกล่าวพูดให้ชิงหวาฟัง
ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะไป สองมือของหนานกงเย่โอบกอดเธอไว้ แววตาอันลึกซึ้ง แม้จะมีคำพูดที่คับแค้นใจ แต่ก็รู้ว่าเธอนั้นถูกบีบบังคับจนไร้หนทางอื่น
แต่หนานกงเย่ยังก้มจูบสัมผัสเธอ ฉีเฟยอวิ๋นเลนหน้าหนี ปล่อยมือแล้วเดินไปอีกด้าน เธอมีความรู้สึกน้อยใจ
หนานกงเย่โอบกอดฉีเฟยอวิ๋นจากทางด้านหลัง ก้มศีรษะลงกระซิบข้างกกหูฉีเฟยอวิ๋นว่า“ข้าเกิดมาเป็นคนของอวิ๋นอวิ๋น ตายก็ผีก็คือคนของอวิ๋นอวิ๋น สวยถือว่าสวย แต่ไม่ใช่อวิ๋นอวิ๋นของข้า ข้าไม่ได้ต้องการหรอกนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหันศีรษะมองหนานกงเย่ หนานกงเย่ยิ้มละมุน จูบสัมผัสฉีเฟยอวิ๋น เขาจูงฉีเฟยอวิ๋นไปที่ประตู ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามไป ก็รู้ว่าเธอมีลักษณะท่าทางกระเปิ๊บกระป๊าบไม่เรียบร้อยแล้ว เพรยงแค่ชอบ ก็ไม่ใช่อะไรสักหน่อย
ฉีเฟยอวิ๋นจัดการกับอารมณ์หงุดหงิดใจร้อน จากนั้นเดินตามหนานกงเย่ออกไป พอมาถึงด้านนอกประตูหวาชิงก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว
เจอทั้งสองคนหวาชิงเลยรีบทำความเคารพนับถือ กล่าวว่า“หวาชิงถวายบังคมท่านอ๋องเย่เพคะ”
“แม่ทัพน้อยมิจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าตื่นสาย ได้ยินพระชายากล่าวแล้ว ต้องโทษข้าที่เมื่อคืนนอนดึก ถึงได้ลำบากพระชายา ขอแม่ทัพน้อยโปรดอภัยด้วย!”
“หวาชิงมิกล้าเพคะ!”
หวาชิงเงยหน้ามองหนานกงเย่ นางมองจนหน้าแดงก่ำจึงก้มหน้าลง
สายตาของหนานกงเย่อึมครึม เขามองฉีเฟยอวิ๋นที่อยู่ข้างกายจากนั้นได้พากันเดินไปทางด้านนอก
ฉีเฟยอวิ๋นถูกเขาดึงไป หวาชิงที่อยู่ด้านหลังชะงักงัน ตอนที่มองหนานกงเย่กลับไม่ได้มีความรู้สึกโกรธเคือง นางได้แต่รีบเดินสาวเท้าตาม
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่ เธอรู้สึกได้ว่าหวาชิงไม่ได้โกรธเคือง
ทั้งสามคนมาถึงห้องอาหาร อาหารเช้านั้นได้เตรียมพร้อมแล้ว อยู่ที่ชายแดนไม่ได้อลังการเท่าที่เมืองหลวง อาหารเช้ามีสามอย่างกับซุปหนี่งอย่าง และหมั่นโถว
หนานกงเย่นั่งลงแล้วเริ่มลงมือกินข้าว ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้มีการวางมาด กินได้ทุกอย่าง พลทหารที่ชายแดนกินอะไรเธอก็กิน ต่อให้เธอไม่ชอบกิน เธอก็ไม่ได้พูดอะไร พอกินแล้วก็ชอบมาก
หวาชิงพินิจพิจารณาฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียด นับว่าฉีเฟยอวิ๋นตกระกำลำบากได้ เป็นคนที่ซื่อตรงถ่อมตัว
หนานกงเย่คีบน่องไก่ให้ฉีเฟยอวิ๋นจากนั้นกล่าวว่า“ระหว่างเดินทางไม่ได้กินของอร่อย กินเนื้อเยอะๆหน่อย หลีกเลี่ยงตอนที่กลับไปแล้วจะซูบผอม”
หวาชิงยิ้ม กล่าวขึ้นว่า“จริงอยู่ว่าอาหารที่ชายแดนมันหายาก แต่ของเหล่านี้ที่หามาก็ไม่เลวแล้ว ปกติเนื้อของพวกเราก็ไม่มากเพคะ”
หนานกงเย่ชำเลืองมองหวาชิง กล่าวว่า“แท่ทัพน้อยก็กินเยอะๆหน่อย ข้าจะพยายามเอาตั๋วเงินมาส่งที่ชายแดน แก้ไขเรื่องอาหารการกินนี้ ทำให้เหล่ากองกำลังทหารได้กินเนื้อกัน”
มีบางเวลาที่ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกนับถือหนานกงเย่ เขามีบางเวลาที่เขาหยิ่งยโส ท่าทางนั้นไม่ลดละ แต่มีบางเวลาที่เขาถ่อมตน ท่าทางอย่างนั้นมันเข้าถึงได้ง่ายมาก”
หวาชิงกล่าวว่า“ปีนี้มั่งคั่งเหลือเฟือเพคะ ดีกว่าปีก่อนๆ เยอะ ปีก่อนๆ ทหารต้องขุดผักป่า กินรากไม้ ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุด นี่เนื่องมาจากคุณงามความดีของท่านอ๋องเย้เพคะ
ตั้งแต่ท่านอ๋องได้เริ่มเข้ามาควบคุมระบบราชการของเมืองต้าเหลียง เข้าเป็นเสนาบดีในราชสำนัก ทุกปีพลทหารที่อยู่ชายแดนล้วนได้รับตั๋วเงินบำรุง ไม่เพียงแค่สามารถส่งกลับไปบำรุงภายในเรือน ยังสามารถกินเนื้อได้ด้วย
เหล่ากองกำลังทหารเคารพนับถือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะได้ยินว่าท่านอ๋องเย่เป็นแม่ทัพน้อยที่ไร้คู่ต่อสู้มาเทียบเทียน ทุกคนล้วนอยากเจอท่านแม่ทัพน้อย ที่ได้กลายเป็นทหารของแม่ทัพน้อยกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกกินไม่ลงแล้ว ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของหนานกงเย่ที่อยู่ด้านนอก คนที่เคารพนับถือมีจำนวนไม่น้อยทีเดียว หนึ่งในนั้นประกอบไปด้วยหวาชิง
หนานกงเย่คีบเนื้อให้ฉีเฟยอวิ๋น แล้วกล่าวว่า“กินเนื้อสิ”
หนานกงเย่เกรงว่าฉีเฟยอวิ๋นจะไม่ได้กินเลยออกคำสั่งเสียเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ