หลังจากที่รอมาเป็นเวลาหนึ่งวันฉีเฟยอวิ๋นก็ยังไม่กลับมา หนานกงเย่ยังสามารถฝืนเข้าใจได้ ดึกมากแล้วอาจเป็นเพราะทำการผ่าตัดให้เด็กคนนั้น จึงไม่สามารถกลับมาได้ แต่คืนนี้เธอก็ยังไม่กลับมา
หนานกงเย่เดินไปเดินมาภายในห้อง ตอนกลางวันเขายุ่งมาก ยุ่งกับเรื่องการทำการจู่โจมเข้าไปในเมืองหลวง
และเมื่อวานนี้เอง หนานกงเย่ก็เริ่มทำการโจมตีเข้าไปถึงเมืองถาถ่านแล้ว
หลังจากผ่านการสู้รบมาทั้งวัน ก็ยังไม่สามารถทลายเข้าไปได้ และวันนี้ก็โจมตี แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้
หนานกงเย่รู้ว่ายิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็ยิ่งไม่อาจผ่อนคลายลงได้
แต่เมื่อไม่เห็นเธอ หัวใจของเขาไม่อาจหยุดคิดฟุ้งซ่านได้เลย
เดินไปเดินมาจนถึงยามจื่อ หนานกงเย่ผลักประตูออกไปและออกจากเมืองไป
ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงเคาะประตู และคิดว่ามีคนประสบอุบัติเหตุ เธอจึงเดินไปเปิดประตูเพื่อดู
เมื่อเดินไปถึงประตูและผลักออกมา หนานกงเย่ก็รีบพุ่งเข้ามา ประตูที่อยู่ข้างหลังถูกปิดลง เสียงของผู้ชายที่บ้าอำนาจคนนั้นก็รีบพูดขึ้นมา "ออกไปให้หมด"
เมื่อได้ยินคำสั่ง เงาหลายๆ คนตรงนั้นก็ค่อยๆ ทยอยหายไป ฉีเฟยอวิ๋นถูกอุ้มไปบนเตียง
หนานกงเย่โบกมือพัดไฟในตะเกียงให้ดับลง ฉีเฟยอวิ๋นกอดหนานกงเย่ไว้และถามว่า "ท่านเป็นอะไรไปหรือเพคะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?"
"ข้านอนไม่หลับ"
หนานกงเย่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อขึ้นไปบนเตียงก็เริ่มทำการจ่ายเงินเบี้ยหวัด
วันนี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหนื่อย เธอรักษาคนป่วยจนดวงตาอ่อนล้า เพราะไม่มีผู้ช่วยเธอจึงรู้สึกร่างกายไม่ไหว
เธอวางแผนที่จะเปิดร้านยาร้านใหญ่ขึ้น ไม่ว่าภายนอกจะทำการรบหรือไม่ การรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อทั้งสองสงบลง หนานกงเย่ยกผ้าห่มขึ้นมาห่มไว้และกอดรัดผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา จากนั้นจึงพรมจูบไปมา
"พรุ่งนี้ข้าต้องออกไปแต่เช้า ทหารต่างก็เหนื่อยกันมาก แต่ตอนนี้สำคัญมาก ต้องตีเมืองถาถ่านให้แตกให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเดือดร้อน"
"ท่านอ๋องระมัดระวังด้วยนะเพคะ หม่อมฉันอยู่ทางนี้ไม่เป็นอะไรเพคะ"
"อืม"
ไม่นานทั้งสองก็หลับไป ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมาในตอนเช้าและพบว่าเขาได้ออกไปแล้ว
เธอรู้ว่าเขาไปโจมตีเมืองถาถ่าน หลังจากฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นก็ได้เริ่มวุ่นวายกับเรื่องอื่นๆ
มีบ้านเรือนเรียงรายเป็นแถวอยู่ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้าน ฉีเฟยอวิ๋นสั่งให้คนไปจัดการซื้อมาครอบครองไว้ ตอนนี้อยู่ในช่วงสงคราม บ้านเรือนมีราคาถูกมาก บางคนก็ยอมแลกเพื่อจะได้เงิน
ฉีเฟยอวิ๋นค้นพบว่าสถานที่ที่มีสงครามและความวุ่นวาย ไม่มีใครยอมเรื่องเงิน
ใครคนหนึ่งให้ถุงเสบียงอาหารหนึ่งถุง จากนั้นก็มอบบ้านให้กับเถ้าแก่ไว้
ฉีเฟยอวิ๋นได้รับร้านค้ามาไม่น้อย และได้ทำเป็นโรงพยาบาลขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นมีความคิดว่าจะเปิดโรงพยาบาลมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ทำได้ยากมากในเมืองหลวง เมื่อมาถึงเขตชายแดนกลับเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
เพื่อจะรับหมอให้ได้มาก ฉีเฟยอวิ๋นเลือกรับหมอคนที่ยอมอยู่และเลือกคนที่อายุยังน้อย จากนั้นก็ถ่ายทอดทักษะทางการแพทย์ให้พวกเขา ให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือคนป่วย และจัดยาต้มยาเองได้
ทุกวันจะให้เงินตำลึงอหารการกินและที่พักอาศัยพวกเขา
ในหนึ่งวันฉีเฟยอวิ๋นต้องทำการรักษาถึงหนึ่งร้อยกว่าคน ยังดีที่ที่นี่เป็นเขตที่ไม่ใหญ่มาก หากใหญ่กว่านี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็อาจจะเหนื่อยตายได้
หลังจากยุ่งมาทั้งวัน ฉีเฟยอวิ๋นล้มตัวลงนอนก็หลับไป เธอไม่ได้คิดเรื่องการรบในหัวเลย เรื่องของหวาชิงก็ลืมไปหมดแล้ว
เมื่อตื่นขึ้นมาก็เริ่มทำการรักษาคนไข่อย่างต่อเนื่อง ทำการรักษาแบบนี้ติดต่อกันมาสี่วันแล้ว เห็นคนตะโกนบนท้องถนนว่าเมืองถาถ่านยอมจำนนแล้ว โจมตีสำเร็จแล้ว!
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปข้างนอก และนึกขึ้นได้ว่าหนานกงเย่เพิ่งจะออกไปดูเมื่อตอนเที่ยง ผู้คนบนท้องถนนต่างพากันดีใจ ราวกับหมดความกังวลเรื่องที่เมืองอู๋โยวจะโจมตีเข้ามาแล้ว จากนั้นข้าวของทุกอย่างในเมืองก็พากันขึ้นราคา
ราคาบ้านเรือนต่างก็พากันขึ้นราคากลับเป็นเหมือนเดิม ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
คนไข้ของฉีเฟยอวิ๋นก็เริ่มลดน้อยลง แต่ในที่สุดเสบียงอาหารก็เริ่มไม่พอ
มีไม่พอถึงเจ็ดแปดวัน เถ้าแก่เริ่มเป็นกังวลว่าจะจัดสรรเสบียงอย่างไร ถึงอย่างไรก็ต้องใช้หมดไม่เหลือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ