ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตัวขึ้นมาเหมือนมีคนมาเขย่าให้ตื่น เธอลืมตาขึ้นมาและจากนั้นก็หลับต่อ
เธอรู้สึกมีสติตลอดเวลา เธอคิดว่าจะต้องกลับไปอยู่ที่หน้าสถาบันวิจัย
แต่สุดท้ายเธอกลับไปสู่ยุคปัจจุบันที่เธอย้อนเวลาไป
ยังอยู่หน้าสถาบันวิจัยแต่สถาบันวิจัยในศตวรรษที่ 21 เปลี่ยนไปมาก ถ้าไม่ใช่เพราะป้ายเดิมของสถาบันวิจัยยังอยู่ กลัวว่าเธอเองก็คงจะจำไม่ได้
ด้านหลังเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังสงสัย มีชายผมขาวถูกหามออกมา และรถพยาบาลก็ขับรถมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
ฉีเฟยอวิ๋นมีความรู้สึกเป็นลางไม่ดีและรีบวิ่งไป
เธอขึ้นรถไปก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาตัวซีดเซียว ดวงตาปิดสนิท และเป็นอาจารย์ที่ใส่หน้ากากออกซิเจนเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นรีบเดินเข้าไปดึงมือของอาจารย์เอาไว้
"อาจารย์คะ"
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ร้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว
คุณหมอไม่รู้อะไร "คุณเป็นใคร นักวิชาการเมิ่งไม่มีญาติพี่น้อง คุณรู้จักเขาเหรอ?"
ฉีเฟยอวิ๋นร้องไห้ออกมา "ฉันเป็นลูกสาวของเขาค่ะ"
คุณหมอรู้สึกตกใจ "พวกเราไม่เคยได้ยินเลยว่านักวิชาการเมิ่งมีลูกสาวด้วย"
"ฉันเป็นลูกบุญธรรมของเขาค่ะ เดิมทีเป็นลูกศิษย์ของเขา ฉันชื่อว่าฉีเฟยอวิ๋นค่ะ" ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงตอนที่เห็นเขาที่สถาบันวิจัย และจนมาถึงที่นี่
จู่ๆ ก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ เพราะอาจารย์กำลังจะไม่รอดแล้ว
คุณหมอกำลังทำการช่วยชีวิต อันที่จริงฉีเฟยอวิ๋นก็อยากจะช่วย แต่เธอไม่ได้ทำแบบนั้น
เธอกำลังรอ
หลังจากผ่านการปฐมพยาบาลช่วยชีวิต อาจารย์ได้รับการช่วยชีวิต
อาจารย์ลืมตาขึ้นมาและจ้องมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นอย่างเหม่อลอย "เธอเองเหรอ?"
ฉีเฟยอวิ๋นเช็ดน้ำตา "อาจารย์คะ อาจารย์จำหนูไม่ได้แล้วเหรอคะ หนูคือฉีเฟยอวิ๋นไงคะ"
ในที่สุดเมิ่งชิงเจ๋อก็จำได้ เขายิ้มและกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นอย่างอ่อนแรง "คิดอยู่เสมอว่ามีวาสนากับหนู ยังนึกถึงตอนที่ฉันเก็บหนูมาเลี้ยงได้อยู่เลย ตัวของหนูเต็มไปด้วยโคลนเปียกปอนไปหมด ฉันจึงคิดว่า พ่อแม่ของเด็กคนนี้ไปไหนกันนะ หลังจากนั้นจึงรู้ว่าหนูเป็นเด็กกำพร้าในสถานรับเลี้ยงเด็ก ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ฉันจึงรู้สึกเอ็นดูหนู......
เมื่อหนูอาบน้ำล้างตัวจนสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันก็รู้สึกว่า หนูเป็นเหมือนญาติสนิทมิตรสหายที่กลับมาเยี่ยมเยือน
ในที่สุดฉันก็จำไม่ผิด เพียงแต่ลืมไปแล้วเท่านั้นเอง
หนูนี่นะ!
เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันได้พบเจอตอนยังวัยรุ่น การปรากฏตัวของเธอเหมือนกับฝัน จู่ๆ ก็หายวับไป
จนถึงตอนนี้ ฉันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ที่แท้ก็เห็นหนูนี่เอง!"
ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้จึงร้องไห้ขึ้นมา เธอร้องไห้พลางเช็ดน้ำตาไปด้วย
อาจารย์ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวโดยไม่ได้แต่งงานมาตลอดชีวิต เขาเคยบอกว่าเขากำลังรอผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นรักแรกพบของเขา ฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยคิดเลยว่านั่นคือเรื่องจริง เพราะเธอไม่เชื่อในรักแรกพบ
แต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า "อาจารย์คะ อาจารย์เชื่อไหมคะว่าคนเราจะสามารถเดินอยู่ในอุโมงค์เวลาได้?"
เมิ่งชิงเจ๋อยิ้ม รอยยิ้มของคนแก่ชราก็เหมือนกับรอยยิ้มของเด็กที่บริสุทธิ์
ฉีเฟยอวิ๋นร้องไห้หนักกว่าเดิม คุณหมอที่รักษาเมิ่งชิงเจ๋อก็หมดปัญญาที่จะสนใจดูแลฉีเฟยอวิ๋น พวกเราจดจ่ออยู่กับสภาพร่างกายของเมิ่งชิงเจ๋ออยู่ในขณะนั้น
รถพยาบาลฉุกเฉินเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ฉีเฟยอวิ๋นก็ตามลงจากรถเช่นกัน
เมิ่งชิงเจ๋อถูกส่งไปยังแผนกฉุกเฉินเพื่อทำการช่วยชีวิตไว้ ฉีเฟยอวิ๋นนั่งรออยู่ข้างนอกเป็นเวลาหลายชั่วโมง จากนั้นอาจารย์ก็ถูกเข็นออกมา
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นก็รีบเดินเข้าไปและตามไปที่ห้องผู้ป่วย
และรอต่อไปอีกสองชั่วโมงกว่าที่อาจารย์จะฟื้นขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นรีบกุมมือของอาจารย์ขึ้นมาและเรียกเขา
ที่ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียใจก็คือ ในฐานะที่เธอเป็นหมอ แต่เธอไม่สามารถช่วยอะไรอาจารย์ได้เลย เดิมทีเมื่อสิบปีก่อนนั้น ร่างกายของอาจารย์ก็เริ่มมีปัญหาขึ้นแล้ว
เขาเป็นผู้ป่วยโรคปอดบวม โรคนี้เมื่อมีอาการขึ้นมา ทำได้เพียงแค่เปลี่ยนปอดเท่านั้น
แต่ในฐานะของนักเรียนแพทย์แล้วนั้น รอมาแล้วหนึ่งปีสำหรับการปลูกถ่าย และเป็นไปไม่ได้ที่จะรอถึงสิบปี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ