แม่ทัพหวายังจำได้ ในตอนที่ผู้เป็นพ่อของเขาลาจากโลกนี้ไป ก็ปรารถนาจะได้เจอน้องสาวสักครั้ง ผลสุดท้าน้องสาวของเขากลับถูกส่งตัวเข้าวัง ต้องรอประราชโองการจากฮ่องเต้ เสด็จพ่อของเขานอนรออยากมีความหวังอยู่บนเตียง สุดท้ายหลังจากที่รอไปแล้วสองชั่วยาม เสด็จพ่อก็ทรุดหนัก เขาจึงเรียกทหารให้แบกร่างของท่านเข้าวัง ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากที่เข้าวังได้ไม่นาน เสด็จพ่อก็สิ้นใจ
เมื่อน้องสาวมาถึงราชวัง ท่านได้สิ้นใจแล้ว
ผู้เป็นน้องร่ำไห้แทบขาดใจ นั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุด!
แม่ทัพหวาครุ่นคิดในใจ เขาคงรอพบบุตรสาวของตนในตอนชราภาพไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่หวังจะยกบุตรสาวให้อภิเษกสมรสกับฮ่องเต้ แม้แต่ท่านอ๋องเขาก็ไม่อนุญาต
บัดนี้จักรพรรดิอวี้ตี้ยังไม่มีทายาทสืบทอด เรื่องที่พูดไม่ได้มีมากมายเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้บุตรสาวอภิเษกสมรสกับท่านอ๋อง
แต่ก็ไม่เคยคิดว่า หลังจากพาทั้งหมดมายังชายแดนแล้ว ยังไม่อาจเปลี่ยนโชคชะตาได้
ผู้เป็นพ่ออย่างเขา วางแผนไว้อย่างดี ว่าจะหาทหารคนธรรมดาแต่ก็ไม่ถูกใจ เพราะแต่ละคนเจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น
ในหมู่ทหาร คนที่เขาถูกใจมีไม่กี่คนนัก ตระกูลอวิ๋นย่อมเป็นอันดับหนึ่ง
แม้ว่าแม่ทัพหวาจะไม่อยู่ในวัง แต่กลับไม่เคยถามเรื่องของตระกูลอวิ๋นมาก่อน ผู้ที่ต้องตาต้องใจก็คือท่านอ๋องหย่งจวิ้น สถานะของเขาคือจวิ้นอ๋องผู้สืบทอดเชื้อพระวงศ์
บุตรชายก็เป็นทายาทสืบสกุลในอนาคต ได้ปรองดองกับทั้งสองคน แล้วไหนจะบุตรสาวอีกคน บัดนี้เหลือเพียงอวิ๋นเซวียนอี้เพียงผู้เดียว
หลังจากสอบถามมาหนึ่งปีกว่า ก็ได้รู้ว่าเขาป่วย
แม่ทัพหวาลำบากใจอย่างมาก อยากจะหาหมอมารักษาแทบขาดใจ แต่ได้ยินว่า หมอก็รักษาไม่ได้ เขาป่วยเช่นนี้มาตั้งแต่วัยเยาว์
แม่ทัพหวาอึดอัดใจมานาน
ใครเล่าจะรู้ว่าหลังจากแต่งงานกันแล้ว จะพาออกมาพบปะกับทุกคน นี่คงไม่ได้ต้องการแสดงความฮึกเหิมประดุจมังกรที่ผาดโผนหรอกนะ?
เวลานี้ แม่ทัพหวาไปเอ่ยเรื่องนี้กับท่านอ๋องหย่งจวิ้น
ซึ่งท่านอ๋องหย่งจวิ้นก็ไม่ได้ปิดบัง “เมื่อครั้งวัยเยาว์เขาเคยหกล้ม จนมีปัญหาในกระดูก แต่ต่อมาก็ได้รับการรักษาให้ดีขึ้น ไม่รู้ว่าผู้ใดไปป่าวประกาศว่าบุตรชายของข้าผู้นี้กระดูกไม่แข็งแรง ป่วยเรื้อรัง
ในค่ายทหารเขาไม่เคยลงสู่สนามรบ เป็นได้แค่กุนซือ
กระทั่งข่าวลือด้านนอกได้แพร่สะพัดออกไปมากขึ้น
ลูกชายของเขา ไอกระออดกระแอด หาสาเหตุไม่ได้ การไอเช่นนี้ เขากลายเป็นคนป่วยที่นอนรอความตาย
ข้าจะไม่ปิดบังท่านแม่ทัพหรอกนะ ข้าเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงในการป่วยของเขา”
บุตรชายป่วย ท่านอ๋องหย่งจวิ้นคิดว่าเขาป่วยโรคร้ายแรง เอาแต่ถือพัดทั้งวัน ไอกระออดกระแอดไม่มีหยุด
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาจะดีขึ้นหลังแต่งงาน กระดูกจากที่เคยไม่แข็งแรงกลับมาแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า บัดนี้เขาบุกตะลุยโจมตีข้าศึกได้อย่างกล้าหาญ
จะพูดกับใครได้เล่า?
แม่ทัพหวาไม่มีทางเชื่อ เขาปรายตามองไปทางท่านอ๋องหย่งจวิ้นด้วยแววตาที่บ่งบอกว่า เจ้าโกหก!
แม่ทัพทั้งสองเดินตามกันไปถึงคูเมือง หนานกงเย่ก็หายตัวไป หวาชิงที่ไล่ตามไม่ทันจึงโกรธเคืองและหดหู่ใจอย่างมาก
อู๋กั่วนั่งอยู่บนหลังม้า ด้านหลังมีร่างของอวิ๋นเซวียนอี้หลับใหลอยู่ มือทั้งสองข้างของอวิ๋นเซวียนอี้โอบกอดเอวของเขาแน่น
อู๋กั่วเป็นห่วงร่างกายของอวิ๋นเซวียนอี้ จึงขี่ม้าพลางหันไปมองอวิ๋นเซวียนอี้เป็นระยะ มือของอวิ๋นเซวียนอี้โอบรอบเอวของเขาไว้ เขาจึงเริ่มคิดเพ้อเจ้อ
ฉีเฟยอวิ๋นกระโดดลงมาจากหลังม้าหลังจากเดินทางมาถึงในเมือง มีคนออกมาจูงม้าไป หนานกงเย่จึงออกคำสั่งว่า “หาคนสองคนมาปลอมตัวเป็นพวกเขา ไปยังวังทางตอนใต้ แสดงตัวให้ชิงหวาเห็นให้ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารที่รับคำสั่งเดินจากไป หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นไปยังจุดพักแรมที่พวกเขาเคยไปมาก่อน ทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้า และล้างหน้าล้างตาอย่างง่าย ๆ
อามู่ตามคนกลุ่มหนึ่งมารอฉีเฟยอวิ๋นก่อนแล้ว เมื่ออามู่เห็นนางก็ดีใจยกใหญ่ รีบวิ่งมาตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋นทันที : “หมออัน”
ฉีเฟยอวิ๋นคุกเข่าลง : “อามู่ ขาของเจ้าไม่ได้เจ็บแล้วใช่หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ