ฉีเฟยอวิ๋นกับอู๋กั่วคุยกันก็วางแผนที่จะกลับไป อู๋กั่วหยิบผลไม้ให้ฉีเฟยอวิ๋น และกล่าวว่า“ข้าเด็ดมา มีไม่กี่ลูก ข้าแบ่งให้ท่าน หวานกลมกล่อมมาก”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบผลไม้มา มองแล้วกล่าวขอบคุณเตรียมตัวที่จะออกไป ก็ได้ถูกอวิ๋นเซวียนอี้พบเข้า
อวิ๋นเซวียนอี้เห็นหมอทหารรูปหล่อคนหนึ่งกับภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานของเขาหัวเราะพูดคุยคิกคักกันอยู่ และดึงกันไปมาด้วย
ยิ่งมองอวิ๋นเซวียนอี้ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา แต่ก็ไม่ได้ที่จะไปจับชู้ เขาเชื่อว่าอู๋กั่วไม่ใช่คนแบบนั้น แต่หมอทหารน้อยนั้นพูดยาก มีโอกาสที่จะเป็นหมอทหารน้อยชักจูงภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของเขา
อวิ๋นเซวียนอี้สงบสติอารมณ์ลง แล้วเดินไปหาทั้งสองคน กล่าวขึ้นว่า“กั่วเอ๋อร์”
อู๋กั่วเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นอวิ๋นเซวียนอี้เดินมาหานางแล้ว
“ข้าต้องกลับแล้ว สุขภาพร่างกายของเขาไม่แข็งแรง ข้าต้องการดูแลเขา”อู๋กั่วถูกอวิ๋นเซวียนอี้หลอก อวิ๋นเซวียนอี้ก็ยิ่งกล่าวว่าเมื่อคืนดิ้นรนทำนานเกินไป เพราะฉะนั้นร่างกายเลยไม่เอื้ออำนวย อู๋กั่วตกใจ อีกทั้งไม่ดีที่จะหาคนไปดูเรื่องอย่างนี้
ทำได้เพียงบำรุงดูแลช้าๆ แต่บำรุงดูแลก็ไม่ได้ ตอนกลางคืนอวิ๋นเซวียนอี้ใช่ว่าจะสงบเสงี่ยม
ตอนนี้นางจิตใจห่อเหี่ยวมาก ไม่อยากจะให้อวิ๋นเซวียนอี้ทำอย่างนั้น อวิ๋นเซวียนอี้ก็มากล่าวพูดว่าเห็นนางแล้วชอบเข้ากระดูกเสียแล้ว เขาไม่สามารถอดทนได้
ตอนที่อยู่ต่อหน้าอวิ๋นเซวียนอี้อู๋กั่วคล้ายดั่งเป็นคนที่น่ารักอ่อนช้อยราวกับกระต่ายน้อย นางไม่สามารถอดใจปฏิเสธได้ ทุกอย่างล้วนตามใจสามี จนกระทั่งวันนี้ ถึงได้กลายเป็นอย่างตอนนี้
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองอวิ๋นเซวียนอี้ เลยไม่ได้เปิดโปงเขา
อู๋กั่วประคองอวิ๋นเซวียนอี้ออกไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ตามลำพัง เธอคิดว่าจะกลับไป แต่ทว่าผลสรุปได้ถูกหวาชิงสกัดไว้
หวาชิงมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่อยู่ห่างไกล ไม่ได้ให้อู๋กั่วเห็น
หากว่าต่อสู้กันลำพัง หวาชิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋กั่ว เพราะฉะนั้นเลยมิกล้าเข้าใกล้จนเกินเหตุ และนางก็ไม่ได้ยินว่าพวกเธอกล่าวคุยอะไรกัน แต่มีความคิดเดียวกันกับอวิ๋นเซวียนอี้ นั่นคือทั้งสองมีการจับคบชู้กัน
หวาชิงเกิดความรู้สึกไม่พอใจฉีเฟยอวิ๋นสายตาที่มองเธอล้วนเป็นสายตาที่คมกริบเหยียด
พอเอ่ยปากกล่าวพูดหวาชิงก็ดูถูกหยามเหยียดไม่ได้มีความเกรงใจเลยว่า“ข้าไม่โต้แย้งคนอย่างเจ้าที่อยากจะขอร้องดิ้นรนกับงานรับผิดชอบที่เจ้าต้องการหรอกนะ แต่เจ้ากินโลภมากไม่เพียงพอ เจ้ารู้สึกว่าเกินไปหรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นนึกได้ว่าตอนนี้เธอชื่ออันเสี่ยวฮวน ก็ไม่แปลกที่หวาชิงจะเข้าใจผิด
เธอในสายตาของหวาชิง เป็นคนดึงดูดล่อลวงหนานกงเย่ และยังล่อลวงอู๋กั่วด้วย
“คนล้วนมีสิ่งที่ชื่นชอบ หากว่าข้าจะชอบใครมันเป็นเรื่องของข้า แม่ทัพน้อยไม่ควรที่จะมารั้งข้าถึงจะถูก ”
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวจะออกไป หวาชิงชักกริชออกมาค้างไว้บนคอของฉีเฟยอวิ๋น ความคมกริบของกริชกรีดที่คอของเธอ เธอเลยเงยคอขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสได้ว่ามีความเย็นยะเยือกไหลลงมาจากคอ แต่เธอไม่ได้สนใจ เธอมองแค่เพียงหวาชิง แววตาไร้ความผิดและจนปัญญาเป็นอย่างมาก กล่าวว่า“ต่อให้แม่ทัพน้อยสังหารข้า ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ท่านอ๋องเย่ชื่นชอบข้าได้หรอก”
“......เมื่อข้าสังหารเจ้า แน่นอนว่าเขาจะค่อยๆลืมเลือนเจ้าไป เจ้าเป็นคนของพระชายาเย่ คิดไม่ถึงว่าจะทรยศหักหลังนาง คนอย่างเจ้าตายก็ไม่เสียดาย”
หวาชิงออกแรงกระชั้นกริชเข้าใกล้ ฉีเฟยอวิ๋นเจ็บจนขมวดคิ้ว
เธอยกมือขึ้นอยากจะผลักกริชหวาชิงออก นิสัยของหวาชิงก็เช่นนี้ อยากจะสังหารฉีเฟยอวิ๋นเสีย
ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นคิดจะลงมือ หนานกงเย่นั้นได้เดินมาแล้ว ฝีเท้าเขาว่องไวดั่งลม แววตาดั่งคบเพลิง ใช้มือข้างหนึ่งคว้ากริชของหวาชิงไว้ แยกออกจากกันในพริบตาเดียว
หวาชิงถูกหนานกงเย่ใช้พลังภายในจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว กริชที่อยู่ในมือล่วงหล่นลง นางมองใบหน้าหล่อเหลาอันเย็นชาของหนานกงเย่ด้วยความชะงักงันตื่นตะลึง
ฉีเฟยอวิ๋นถูกหนานกงเย่ดึงไว้ในอ้อมกอด เขาโอบอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินจากไป
หวาชิงรู้สึกว่าไม่ถูกต้องไม่ชอบมาพากล หมุนตัวมองไปทางหนานกงเย่
“ท่านอ๋อง”
หนานกงเย่ไม่ได้กล่าวอะไร เขาก้มมองฉีเฟยอวิ๋น ด้วยความเป็นห่วงแทบอยากจะสังหารหวาชิง
ฉีเฟยอวิ๋นเกรงว่าคนจะเห็นบาดแผลของเธอที่กำลังสมานกัน เลยรีบเอื้อมมือกดไว้
“ท่านอ๋อง ไม่เจ็บแล้วเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นอยากบอกว่าฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เธอเห็นเขากังวลใจ แท้ที่จริงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“เลอะเทอะ จะไม่เจ็บได้อย่างไร?”หนานกงเย่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นกลับไปด้วยความโมโห เข้าไปในกระโจมผู้บัญชาการทหารแล้วเขาจึงวางฉีเฟยอวิ๋นลง เขาโมโหจนถีบโต๊ะพลิกตลบคว่ำ
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นจัดการกับบาดแผลทันที อารมณ์ร้อนอย่างนี้ไม่มีผู้ใดแล้วล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ