ฉีเฟยอวิ๋นจัดการรอยบาดแผลให้หวาชิง จากนั้นได้ส่งนางกลับไป
หนานกงเย่เรียกเธอกลับ ฉีเฟยอวิ๋นไม่ฟัง“ท่านอ๋อง คอของแม่ทัพน้อยข้าไม่วางใจ หากว่าทิ้งเหลือแผลเป็นไว้ไม่ดีนะ หม่อมฉันมียาสรรพคุณพิเศษ”
หนานกงเย่หรี่ตามองเล็กน้อย เขารู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นข่มขู่ เขาก็เลยไม่กล้าพูดอะไรมากแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นส่งหวาชิงกลับไป หวาชิงสั่นระริกเล็กน้อย
หวาชิงกล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า“ขอบใจน้องชายมาก”
“ท่านแม่ทัพอาวุโสเกรงใจแล้ว”ฉีเฟยอวิ๋นส่งหวาชิงไปที่กระโจมและไม่ได้ออกมาเลย
เธออยู่ดูแลหวาชิง แน่นอนว่าแม่ทัพหวารักสงสารเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก เขาเดินไปเดินมาอยู่ในกระโจม
อยากจะกล่าวพูดอะไรก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้
ตั้งแต่เล็กหวาชิงก็หยิ่งยโสอยู่แล้ว ไม่เคยถูกปฏิบัติอย่างนี้มาก่อนเลย อีกทั้งแม่ทัพหวาเกรงว่าจะเกิดอะไรกับบุตรสาว แต่มีบางคำพูดต้องกักเก็บไว้อยู่ภายในใจ
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจความร้อนใจของแม่ทัพหวา ท่านพ่อของเธอก็เป็นคนเช่นนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“แม่ทัพหวา ท่านสงบสติอารมณ์เสียก่อนเถิด เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาร้อนใจวิตกกังวล คูเมืองเพิ่งจะถูกโจมตี ยังต้องสงบจิตสงบใจของอาณาประชาราษฎร์และเหล่าทหาร
แม่ทัพน้อยอายุน้อยแข็งแกร่ง กระฉับกระเฉง เวลาที่มีความหยิ่งยโส นางแค่คิดไม่ตกชั่วขณะเท่านั้นเอง
อีกทั้งวันนี้ท่านอ๋องเป็นเยี่ยงนี้ เป็นเพราะข้า
ปกติท่านอ๋องรักพรรคพ้องของตนอย่างมาก เพียงแต่เป็นคนข้างกายของเขา เขาถึงเป็นเช่นนี้
ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องเพียงแค่วู่วาม
ส่วนแม่ทัพน้อย อย่างไรจะต้องคิดได้อย่างกระจ่างแจ้งเป็นแน่
ในโลกใบนี้ ไม่มีเรื่องอันใดที่สำคัญไปกว่าการเกิดกับการตาย มีชีวิตอยู่ ถึงสามารถบ่งบอกคุณค่าของคนคนหนึ่งได้
ท่านพ่อหวังว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ ข้าก็หวังว่าท่านพ่อของข้าจะอายุยืนยาว
นี่เป็นสิ่งที่มีความหมายที่พวกเรามีชีวิตอยู่
แม่ทัพน้อยเป็นเพียงชั่วคราว ท่านแม่ทัพจะต้องใจกว้าง ถึงจะสามารถมีอายุยืนยาวได้
มีท่านแม่ทัพอยู่ แม่ทัพน้อยมีที่พึ่งพิง ท่านแม่ทัพใจร้อนเยี่ยงนี้ ไร้หนทางสงบ ก็ไร้หนทางที่จะปกป้องแม่ทัพน้อยเช่นกัน
รอแม่ทัพน้อยคิดได้แล้ว ท่านแม่ทัพเป็นอะไรไป นางต้องเศร้าโศกเป็นแน่แท้”
เวลานี้แม่ทัพหวาได้พินิจพิจารณาฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียด ทันใดนั้นได้รู้สึกว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่ธรรมดา เลยรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง
“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วหรือ?”แม่ทัพหวากล่าวถาม
“ยี่สิบขอรับ”ฉีเฟยอวิ๋นมิกล้าบอกน้อยจนเกินไป
แม่ทัพหวากล่าวถามว่า“เหตุใดเจ้าถึงได้ผอมเช่นนี้?”
รูปร่างก็เตี้ย หน้าตาไม่เลว ก็คือไม่รู้ว่าเป็นคนครอบครัวไหนกัน
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอธิบายว่า“ครอบครัวของข้าล้วนเป็นเช่นนี้ ความยาวค่อนข้างน้อย แต่ท่านพ่อของข้าหลังจากที่แต่งงานก็สูงขึ้น ได้ยินว่าท่านปู่ของข้าก็เป็นเช่นนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นปั้นเรื่อง
แม่ทัพหวาถามว่า“เจ้าเป็นคนที่ไหนหรือ เจ้าแซ่อะไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ข้าชื่ออัน ท่านพ่อข้าคือคนในเรือนอัน”
“ได้ยินมาว่าในครอบครัวของแม่ทัพฉีก็ไม่ได้มีผู้ใด เจ้าเป็นเครือญาติหรือ?”
“.......”ฉีเฟยอวิ๋นจนปัญญาอย่างมาก นี่กำลังตรวจสอบสำมะโนครัวแหละ เธอเลยกล่าวว่า“ข้าคือลูกชายบุญธรรมของแม่ทัพฉี เมื่ออดีตอยู่ถิ่นกำเนิด มาได้ไม่นาน ครั้งนี้มาหาประสบการณ์ ร่ำเรียนวิชาทางการแพทย์กับพระชายาเย่”
“มิน่าเล่า”
แม่ทัพหวาค่อนข้างพอใจ เป็นบุตรบุญธรรมของแม่ทัพฉี เช่นนั้นไม่เลวเลยทีเดียว
อีกทั้งเขาน่าจะไม่มีพ่อแม่ ปกติฉีจือซานผู้นั้นมักดูแลลูกน้องใต้บัญชา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกหลานของรองแม่ทัพท่านไหน เขาเลยเอามาดูแลไว้ข้างกาย
เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยากที่แม่ทัพจะต้องตายในสนามรบ น่าสงสารลูกหลาน
ขุนนางเสนาบดีที่ซื่อสัตย์ของลูกหลาน?
แม่ทัพหวาครุ่นคิด เช่นนั้นเขาอยู่ในกระโจมของท่านอ๋องเย่ก็ไม่มีอะไรแล้ว พวกเขาคือน้องชายพี่ชายของภรรยาและน้องเขย ฐานะหลบเลี่ยงสักหน่อย เกรงว่าคนจะกล่าวประพฤติมิชอบถึงจะถูก
แม่ทัพหวาพยักหน้ากล่าวว่า “นานแล้วที่ข้าไม่ได้ดื่มเหล้ากับแม่ทัพฉี รอมีเวลาข้าจะไปดื่มกับเขาสักหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ