ฉีเฟยอวิ๋นเคยถามเด็กๆ แล้วว่าจะยอมตามนางไปที่ค่ายทหารหรือไม่ เด็กๆ ต่างไม่ต้องการ ฉีเฟยอวิ๋นเองก็ยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย ดังนั้นจึงต้องไปหาคนแถวนี้มารับเลี้ยงพวกเขา แต่คนท้องถิ่นที่นี่ไม่มีใครยอมรับเลี้ยงเลย
ฉีเฟยอวิ๋นคิดจะให้เงินไว้สักนิดหน่อยแต่ก็คิดว่าตอนนี้เงินไม่มีประโยชน์ พวกเขาต่างคิดว่าการมีอาหารกินมีเสื้อผ้าใส่นั้นเป็นเรื่องสำคัญกว่า
การสู้รบเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองทั้งทรัพยากรและกำลังคน และสิ่งที่ผู้คนกลัวที่สุดก็คือการบาดเจ็บล้มตาย
ณ เวลานี้แค่ลูกของตัวเองยังดูแลแทบไม่ได้ แค่หาอาหารหาน้ำให้พวกเขาดื่มกินก็ยังไม่พอ ดังนั้นจึงไม่มีชาวบ้านคนไหนมารับเลี้ยงเด็กๆ พวกนี้
บ่ายวันหนึ่งขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกำลังหาคนมาเลี้ยงเด็กๆ นางจำเป็นต้องพาพวกเขาไปที่ค่ายทางใต้ก่อน ทว่าพวกเขาไม่ได้เข้าไปในค่าย ฉีเฟยอวิ๋นสั่งให้คนตั้งกระโจมที่นอกค่ายเพื่อให้เด็กๆ พักอาศัย
ตกเย็นนางจึงซื้อชุดผ้าฝ้ายให้พวกเขาแต่ละคน โชคดีที่แถวนี้ยังพอจะหาฝ้ายและผ้าได้บ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นขอให้คนทำอาหารอุ่นๆ ให้เด็กๆ กินและหาผ้าห่มอุ่นๆ มาให้พวกเขา ซึ่งพวกเขาทุกคนต่างก็รู้ความ ดูเหมือนว่าพอตกเย็นพวกเขาจะไม่อยากจะอยู่ในเมืองอีกแล้วและอยากจะตามฉีเฟยอวิ๋นไปด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะดูแลให้เสี่ยวเฉียวดีกว่าและฝ้ายที่ซื้อมาทำเสื้อผ้าก็ต้องดีขึ้นในระดับหนึ่ง
นางไปที่ร้านค้าในเมืองและใช้เงินสิบตำลึงซื้อกำไลทองสองวง เวลานี้มีการสู้รบ กำไลทองไม่ได้มีค่ามากนัก ทว่าก็ถือว่ามีค่ากว่าในยามปกติหลายเท่า
ฉีเฟยอวิ๋นหวีผมให้เสี่ยวเฉียวด้วยตัวเอง หวาชิงมองมาจากในกระโจม “ท่านชอบเด็กๆ มากเลยหรือ”
“ข้าชอบเด็กผู้หญิง อยากจะมีลูกสาวสักคน”
ฉีเฟยอวิ๋นมองเสี่ยวเฉียวอย่างเอาใจใส่ เมื่อเสี่ยวเฉียวล้างหน้าล้างตาจนสะอาดจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งนางดูสวยมาก!
หวาชิงหน้าแดง “ข้าก็ชอบเด็กผู้หญิงเหมือนกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจหวาชิง นางผละจากเสี่ยวเฉียวและไปดูเด็กคนอื่น
ทันทีที่เข้าไปเด็กๆ เหล่านั้นก็ต้องตกตะลึงเมื่อมองเห็นเสี่ยวเฉียว นางสวยมากจริงๆ
ฉีเฟยอวิ๋นจูงมือเสี่ยวเฉียวเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เตาถ่าน บนพื้นปูด้วยไม้กระดานส่วนด้านบนเป็นผ้าห่ม ที่นี่สภาพไม่ค่อยดีนัก แต่สำหรับตอนนี้ก็นับว่าไม่แย่
ฉีเฟยอวิ๋นเรียกเด็กๆ ให้มาหา หวาชิงยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู หากใครมารบกวนนางจะทำหน้าขรึมไล่คนพวกนั้นออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบน้ำตาลกรวดที่นางซื้อมาจากในเมืองออกมา
แบ่งให้เด็กทุกคนคนละหลายๆ ก้อน
“พวกเจ้าอย่ากินกันเยอะนะ ไว้คิดถึงพ่อแม่ของพวกเจ้าก็ค่อยกินหนึ่งก้อน คืนนี้พวกเจ้าลองไปคิดกันดูว่าอยากจะเรียนวิชาแพทย์กับข้าหรือไม่ ถ้าเรียนไม่ได้ข้าจะให้พวกเจ้าทำอย่างอื่นแทน แต่ก็จะต้องเอาตัวรอดให้ได้
ถ้าหากพลัดพรากจากพ่อแม่ วันหนึ่งพวกเขาอาจจะตามหาพวกเจ้า และเมื่อโตขึ้นพวกเจ้าก็จะตามหาพวกเขาได้
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งสงคราม ถ้าพวกเจ้าไม่มีชีวิตรอด พวกเจ้าก็จะไม่ได้พบหน้าครอบครัวของพวกเจ้าอีก”
เด็กๆ ไม่พูดอะไรเลย พวกเขารอจนกระทั่งฉีเฟยอวิ๋นพาเสี่ยวเฉียวออกไป จากนั้นทุกคนจึงมารวมกลุ่มหารือกัน
หวาชิงตามฉีเฟยอวิ๋นออกไป ตอนนั้นเองฉีเฟยอวิ๋นจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หวาชิงตามติดนางตลอดเวลา
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปหาหวาชิง “มีอะไรผิดปกติกับแม่ทัพน้อยหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไร ก็แค่ดูท่านทำงานและคิดว่ามีอะไรที่พอจะช่วยได้หรือไม่” หวาชิงก้มหน้ามองเสี่ยวเฉียว “เสี่ยวเฉียว คืนนี้พี่สาวจะดูแลเจ้าเอง”
เสี่ยวเฉียวส่ายหน้า “ข้าอยู่กับหมออัน ข้ายังมีท่านลุงตู้ด้วย”
หวาชิงทำหน้าไร้เดียงสา “พี่เสียใจจริงๆ”
หวาชิงอยากเข้าทางเสี่ยวเฉียวและคอยติดตามอันเสี่ยวฮวน แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเป็นไปไม่ได้
เสี่ยวเฉียวไม่ได้พูดอะไร นางดูสวยมากหลังจากแต่งเนื้อแต่งตัว นางจ้องมองหวาชิงโดยไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ รวมถึงไม่ได้เอาใจใดๆ ด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าหวาชิงรู้สึกอึดอัดกับเสี่ยวเฉียว เสี่ยวเฉียวไม่ใช่คนที่จะประจบใครๆ
“ท่านแม่ทัพน้อย ข้าขอตัวกลับก่อน ท่านเองก็พักผ่อนเถิด”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดอะไรมากและพาเสี่ยวเฉียวกลับไป นางยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก
ใกล้ๆ กระโจมของหนานกงเย่มีกระโจมอื่นๆ อยู่อีก ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้กลับไปหาหนานกงเย่แต่เดินตรงเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วเสี่ยวเฉียวจึงพบท่านลุงตู้
“ท่านลุงตู้” เสี่ยวเฉียวเข้าไปหาในขณะที่ท่านลุงตู้รีบลุกขึ้นมา
“เสี่ยวเฉียว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ