การทะเลาะวิวาทกันของพ่อแม่ไม่มีผลต่อการแย่งของขวัญให้ตัวเองของลูกๆ เจ้าสองชอบเล่นที่สุดเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปด้านในและคว้ากล่องไม้กล่องหนึ่ง เปิดออกด้านในเป็นไม้ซึ่งเป็นชิ้นๆ เขาแปลกใจว่าเสียหรือไม่แล้วนั่งลงบนพื้นเริ่มเล่นโดยคิดหาวิธีทำให้มันคืนกลับมา
คนอื่นๆเห็นเจ้าสองหยิบไปแล้วก็ไม่เกรงใจกันแล้ว ในไม่ช้าก็หยิบไปจนหมด
ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้เดินไปและนำส่วนที่เหลือไปซึ่งนั่นเป็นของเจ้าห้า
ของขวัญนั้นมีไม่น้อยเป็นแน่ แต่คนที่หยิบก่อนก็คงจะเหมือนกันเป็นแน่และเจ้าห้าก็มีมากเสียแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นมอบของขวัญให้กับเจ้าห้าโดยหยิบออกมาสองชิ้น ชิ้นหนึ่งให้อามู่ อีกชิ้นให้เสี่ยวเฉียวซึ่งก็พอดีกันแล้ว
เด็กๆที่รักทั้งหลายรู้สึกว่าเสียเปรียบตัวแล้วจ้องมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้อุ้มเจ้าห้าเล่น
หนานกงเย่เดินไปเดินมาและนั่งลงอย่างจนปัญญาราวกับว่ากินแมลงวันที่ตายไปแล้ว
โกรธก็ส่วนโกรธแต่มองดูฉีเฟยอวิ๋นอย่างสบายใจ
วันเวลาที่ภายนอกนั้นยังคงยากลำบาก
กำลังเล่นอยู่กับเด็กๆฉีเฟยอวิ๋นก็เอ่ยถึงเรื่องของมู่เหมียนและจวินเซียวเซียว
“เรื่องที่จนถึงตอนนี้มู่เหมียนก็ยังไม่ตั้งครรภ์ซึ่งต้องมีสาเหตุบางอย่าง แต่ข้าตรวจดูร่างกายของมู่เหมียนแล้วก็ไม่เห็นมีปัญหาอันใด ทุกอย่างเป็นปกติ”
“หมายความว่าหวกไม่มีผู้ใดกระทำการก็เป็นปัญหาของฝ่าบาท?”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าหนานกงเย่นั้นเฉลียวฉลาดเพียงใดซึ่งเขาไม่มีทางไม่เข้าใจ
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้ากล่าวเนื่องจากไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาทหรือเปล่า
หนานกงเย่ลุกขึ้นแล้วออกไปด้านนอกเลยโดยตรง อวิ๋นจิ่นเข้ามาจากด้านนอกเพื่อดูแลเด็กๆทั้งหลาย จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ตามออกไป
คู่สามีภรรยากลับไปถึงสวนดอกกล้วยไม้หงเถายกน้ำชามาให้ หนานกงเย่ยกชามน้ำชาขึ้นดื่มพร้อมทั้งครุ่นคิดเรื่องต่างๆ
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่รอหนานกงเย่อยู่
รอเป็นเวลานานหนานกงเย่จึงกล่าวว่า: "แต่สายของข้าในวังไม่ได้รายงานเรื่องนี้เลย ไม่น่าจะเป็นสาเหตุจากฝ่าบาท"
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ: "ท่านอ๋องจัดคนเอาไว้ในวังหรือ?"
หนานกงเย่หลับตาลงในขณะที่ดื่มชา: "อวิ๋นอวิ๋นอยากถามว่าฝ่าบาททรงรับอวิ๋นอวิ๋นไปรวมถึงขณะที่ข้าไม่อยู่ฝ่าบาทได้ทรงกระทำสิ่งใดบ้างแล้วข้ารู้หรือไม่?"
"..." ฉีเฟยอวิ๋นกลับสูดลมหายใจอันเย็นเข้า รู้ทุกอย่างนี่เอง
“ในเมื่อทราบทุกอย่างแล้ว ท่านอ๋องคิดเช่นไร?”
“หากข้าบอกว่าไม่มีความคิดอวิ๋นอวิ๋นจะเชื่อหรือไม่?”
“……”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตอบเชื่อหรือไม่ก็รู้สึกไม่โล่งใจ ราวกับว่าถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่นางโศกเศร้าเสียใจเองก็เห็นอกเห็นใจอวค์ตักรพรรดิอวี้ตี้ ฝ่าบาทพระองค์หนึ่งถูกคนคอยตามจ้องดูอยู่ตลอดเวลา ฝ่าบาทเช่นนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวต่อว่า: "กล่าวเช่นนี้เรื่องของพระสนมเอกเซียวท่านก็รู้ด้วยหรือ?"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
"ผู้ใดกระทำ?"
“อวิ๋นอวิ๋นไม่ตรวจสอบเพราะว่าสงสัยผู้ใดหรือ?” ดื่มชาคำหนึ่งแล้วหนานกงเย่ก็วางชามน้ำชาลงและเอนร่างอันโปร่งยาวไปด้านหลังอย่างสบาย พร้อมกับจ้องมองไปยังใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของฉีเฟยอวิ๋น
จะกล่าวว่านารีเป็นเหตุก็ไม่เกินจริง
ในเมื่อจวินโม่ซ่างเสนอว่าใช้เมืองอู๋โยวแลกเปลี่ยนกับนาง ในใจของหนานกงเย่นั้นสับสนและจวินโม่ซ่างสมควรตาย!
“ข้าสงสัยฮองเฮาแต่ราชินีอาจจะทรงโยนความผิดให้มู่เหมียนดังนั้นหากว่าสืบสวนเรื่องนี้ก็จะสืบไปจนถึงตัวมู่เหมียน ถึงตอนนั้นท่านไม่อยู่และข้าก็ไม่มีกำลังซึ่งต้องเป็นอันตรายต่อมู่เหมียนเป็นแน่”
“รู้แต่มู่เหมียนข้าว่าเจ้าหลงใหลในเสน่หา” เมื่อหนานกงเย่นึกถึงมู่เหมียนเนื้อตัวก็ชา
หลงใหลในบุรษก็ช่างเถอะแต่สตรีก็ไม่ละเว้น
ฉีเฟยอวิ๋นใบหน้าเย็นชา: “มิเช่นนั้นท่านอ๋องไม่ชนกำแพงจนตายข้านั้นได้ให้คนมาทำความสะอาดตรงหน้าประตูแล้ว”
“ฝันไปเถอะ ข้าก็จะไม่!” หนานกงเย่สีหน้าเย่อหยิ่งจากนั้นยืดขาออกไปวางบนต้นขาของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นคิดที่จะเตะหนานกงเย่ลงไปทีหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ