หวาชิงออกมาจากพระราชวังก็ไปที่จวนอ๋องเย่ แม้แต่ชุดนางก็ไม่ได้เปลี่ยน ตามหลักแล้วต้องไปถวายความเคารพแก่พระมเหสีหวาก่อน
แต่แม่ทัพหวาถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมพระมเหสีหวาก่อน
ส่วนเรื่องของหวาชิง พระมเหสีหวาไม่ได้มีการชี้แจงอะไร นางก็ไม่ได้อยากถามด้วย
แม่ทัพหวาก็เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย
พระมเหสีหวากล่าวขึ้นว่า“เรื่องนี้หากว่าพบแล้วนั่นเป็นเรื่องดี หาไม่พบก็อย่าล่าช้าเลย เรื่องแต่งงานชิงเอ๋อร์สำคัญ ท่านพี่อย่าดื้อรั้นเกินไป”
“แต่......”
“ท่านพี่จะเลอะเลือนไม่ได้ ลูกหลานจะต้องไม่ทำให้ตระกูลอับอาย มีเหตุผลที่คนด้านนอกจะดูถูกได้ที่ไหนกัน?”
พระมเหสีหวากล่าวออกมา แม่ทัพหวาเหงื่อตกตลอดเลย
“ความหมายของน้องคือ?”
“ท่านพี่ น้องไม่ได้อะไร ชิงเอ๋อร์โตแล้ว มีเรือนสามีเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่โชคชะตาบุพเพสันนิวาสเป็นฟ้ากำหนด สมัยนั้นน้องด้วยไม่ใช่หรือ?”
แม่ทัพหวาส่ายหน้ากล่าวขึ้นว่า“พี่จำไม่ได้แล้ว”
“น้องจำได้ ท่านพี่ไม่ยินยอม ที่จริง.......ในพระราชวังนี้ผูดมัดมาก เพียงแค่พบเจอคนที่รู้ใจ ก็เป็นเรื่องที่นับว่าเป็นความโชคดีแล้ว
เรื่องงานแต่งนี้ไม่ควรบีบบังคับ ท่านพี่ดูอย่างกระจ่างแจ้งก็เป็นพอ”
แน่นอนว่าแม่ทัพหวารู้สึกไม่ยินยอม เขามีเพียงบุตรสาวคนเดียว ไม่หาคนที่เหมาะสมคู่ควร อีกทั้งเป็นคนที่พึงพอใจ หากเขาตายก็นอนตายตาไม่หลับหรอก
ฉีเฟยอวิ๋นคิดไม่ถึงจริงๆว่าหวาชิงจะมาก็มาเลย มองแล้วหวาชิงคล้ายดั่งมีเรื่อง ฉีเฟยอวิ๋นกดดันอย่างมาก
“แม่ทัพน้อย”ฉีเฟยอวิ๋นยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู
แม่ทัพฉีและหนานกงเย่ก็อยู่ หวาชิงเพียงแค่มองพิจารณาฉีเฟยอวิ๋น แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด
ชายกับหญิงมีความแตกต่าง แต่หวาชิงอยู่ค่ายทหารตลอดทั้งปี ไม่สามารถเข้าใจความแตกต่างชายหญิงของโลกภายนอกได้เท่าไหร่
เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นสวมใส่ชุดสีน้ำเงินแขนกว้าง มองภายในสายตาของหวาชิงพบเจอแต่ความสวยสง่าอย่างอื่นมองไม่ออกแล้ว
“พระชายาเย่ ไม่พบกันนานสบายดีนะเพคะ”หวาชิงกำมือแบบทหาร นางสวมใส่ชุดเกราะ ก็เป็นเช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นถอนสายบัว กล่าวว่า“แม่ทัพน้อยสบายดี”
หวาชิงกล่าวขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า“พระชายาเย่ หม่อมฉันมาหาพระชายาเนื่องด้วยมีธุระ ไม่ทราบว่าสามารถขอพูดคุยได้หรือไม่เพคะ”
“เชิญแม่ทัพน้อย”ฉีเฟยอวิ๋นเอียงตัวเชิญหวาชิงเข้าไปด้านใน
หวาชิงสาวเท้าก้าวเข้าไปในจวนอ๋องเย่ ผลสรุปพอเข้าไปก็ดูดสายตาของคนมามองได้ไม่น้อย ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง แต่คือแม่ทัพน้อยหวาสวยสะพรั่งเป็นอย่างมาก
ฉีเฟยอวิ๋นเชิญหวาชิงมานั่งที่ห้องโถงด้านหน้าตอนที่หงเถาเทชามองจนใจไม่อยู่กับเนื้อตัวแล้ว คิดว่าเป็นผู้ชายจะดีแค่ไหนกัน
หวาชิงชำเลืองมองหงเถา เดิมไร้จิตใจที่จะไปมองคนอื่นอยู่แล้ว เลยกล่าวขึ้นว่า
“พระชายาเย่ เชิญพวกเขาออกไปด้วย”
ฉีเฟยอวิ๋นโบกสะบัดมือเรียกให้คนอื่นออกไปก่อน หวาชิงเห็นประตูปิด ถึงได้มองฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวขึ้นว่า“พระชายาเย่ เมื่ออดีตหวาชิงมีใจอยากแต่งงานกับท่านอ๋องเย่ หวาชิงล่วงเกินอย่างมาก พระชายาเย่โปรดอภัยกับความบุ่มบ่ามของหวาชิงด้วยเพคะ”
หวาชิงลุกขึ้นทำความเคารพแบบฉบับทหารให้กับฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นรีบประคองหวาชิงแล้วกล่าวว่า“แม่ทัพน้อยเชิญลุกขึ้นเถิด”
หวาชิงลุกขึ้น กล่าวว่า“เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ขอพระชายาเย่อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเลยนะเพคะ”
“แม่ทัพน้อย เรื่องที่ผ่านมาแล้วข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ท่านก็มิจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เรื่องของอันเสี่ยวฮวนราชครูจวินได้คุยกับข้าแล้ว แต่คนผู้นี้ ข้าไม่รู้จักจริงๆ”
หวาชิงกล่าวด้วยความสงสัยว่า“แม้ว่าพระชายาเย่ไม่รู้จัก ก็ไม่อาจที่จะไม่มีภาพแห่งความทรงจำได้เลย ใช่หรือไม่ว่าตอนที่เคยใกล้ชิดนั้นก็จำไม่ได้แล้ว”
หวาชิงไม่ยอมลดละตัดใจ นางนั่งลงกล่าวถามฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า กล่าวว่า“ข้าคิดเป็นเวลานานมาก แต่ก็คิดไม่ออก หากว่าข้าเคยเจอคนผู้นี้ ก็ไม่มีทางที่จะคิดไม่ออกหรอกนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ